ทางออก (ที่ไม่ต้องแยกห้อง) เมื่อคู่รักนอนดิ้น นอนกรน
การได้นอนหลับในอ้อมกอดคู่รัก ถือเป็นความสุขที่สำคัญอีกอย่างชีวิตคู่! เป็นเรื่องที่ทราบกันดี แต่พอเอาเข้าจริงๆ หลายคู่มีปัญหา… สามีบางคนนอนกรน ภรรยาบางคนนอนดิ้น ฯลฯ จนคุณที่นอนข้างๆ ต้องตื่นไปด้วย รวมไปถึงเหตุผลร้อยแปด ซึ่งท้ายที่สุดแล้วคู่สามีภรรยาจำนวนไม่น้อย เลือกที่จะนอนกันคนละห้อง เพื่อหวังได้หลับสนิทตลอดทั้งคืน
หาก คุณคือ หนึ่งในคู่รักที่กำลังคิดเช่นนั้น ช้าก่อนค่ะ! อย่าเพิ่งด่วนแก้ปัญหาด้วยวิธีแยกห้องกันนอน เพราะเมื่อไม่นานมานี้ มีบทความทางวิชาการชิ้นหนึ่งซึ่งพิมพ์ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ ได้ออกมาตีแผ่วิธีแก้ปัญหานี้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
เนื้อหา ในบทความระบุว่า ปัจจุบันมีคู่รักชาวเมริกันถึง 1 ใน 4 ที่แยกห้องนอนกันแล้ว ขณะที่สมาคมรับสร้างบ้านแห่งสหรัฐอเมริกา ก็ออกมาให้ข้อมูลสมทบว่า ทุกวันนี้มีผู้คนจำนวนมากจ้างให้สร้างบ้าน ที่มีห้องนอนแยกย่อยมากขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ คู่สามีภรรยามีการวางแผนแยกห้องนอนกันเพิ่มขึ้น จนมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2015 จะมีคู่แต่งงานแยกห้องกันนอนมากถึง 60% เลยทีเดียว
รายงาน ระบุว่า ผู้คนส่วนใหญ่ตัดสินใจแยกห้องนอนกับคู่รัก เพราะเชื่อว่า การต้องทนนอนข้างคู่รักที่กรน หรือนอนพลิกตัวไปมา จะทำให้ตัวเองนอนได้ไม่เต็มอิ่ม และเป็นเรื่องที่ทำลายสุขภาพของในระยะยาว ทว่าศาสตราจารย์ Tina B. Tessina นักจิตบำบัด ยืนยันว่าการแก้ปัญหาเรื่องการนอน โดยวิธีแยกห้องนอน ไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะแท้จริงแล้ว มีวิธีแก้แบบอื่นที่ดีกว่านั้น
“มัน จริงที่ว่า การนอนกรนมีส่วนสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักกลายเป็นความรำคาญ หรือรู้สึกไม่ดีต่อกันได้ แต่สิ่งเหล่านี้มันง่ายมากที่จะหลีกเลี่ยง และหาทางแก้ไข นั่นคือ ถ้าคนใดคนหนึ่งกรน อีกฝ่ายไม่ควรพูดจำตำหนิติเตียนหรือแยกห้องนอนไปเลย แต่ควรร่วมกันหาทางแก้ เช่น การเปลี่ยนไปใช้ ผ้าห่ม หมอน หรือผ้าปูที่นอนนุ่มๆ ซึ่งจะช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น และลดอาการกรนได้”
ที่รักจ๋า มานอนห้องเดียวกันเถอะ!
เมื่อแสดงปณิธานแน่ชัดในการสนับสนุน ให้คู่สามีภรรยานอนห้องเดียวกันซะขนาดนี้ ศาสตราจารย์ Tessina เลยนำเกร็ดดีๆ ที่ระบุถึงประโยชน์ของการนอนด้วยกันมาโน้มน้าวใจ ให้คุณๆ ใจอ่อน จะได้ไม่ทำร้ายคู่รักของคุณด้วยการ แยกห้องนอนกับเขาค่ะ
* มีเซ็กซ์ก่อนนอน ลดอาการกรน มีผลงานวิจัยพบว่า การมีเซ็กซ์กับสามีก่อนนอนนั้น จะทำให้ผู้หญิงเรากรนน้อยลง ขณะที่ในผู้ชายนั้น อาการนอนกรนของเขาก็จะดีขึ้น เมื่อได้นอนข้างๆ ภรรยา เรียกได้ว่า การมีเซ็กซ์ ล้วนอนหลับไปด้วยกันจะทำให้อาการนอนกรนของคุณทั้งคู่ดีขึ้นแน่นอน
* เวลาในห้องนอนคือ เวลาทองแห่งความเข้าใจ นักจิตบำบัด Tessina บอกไว้ว่า “การกอดกันอย่างแนบแน่น แล้วนิ่งไว้ซักพัก คือ สิ่งดีเยี่ยม ที่จะทำให้ชีวิตคู่มั่นคงขึ้น นี่คือสิ่งที่สามีภรรยาทุกคู่รู้ แต่ไม่ค่อยจะทำ อาจเพราะเขินอาย”
ดังนั้นเมื่อคุณได้นอนด้วยกัน จึงเป็นเสมือนเวลาทองอันมีค่าที่คุณจะได้อยู่กันสองต่อสอง ไม่ต้องแคร์สายตาใคร จึงควรใช้ช่วงเวลานี้ให้คุ้ม ที่สำคัญ การได้กลับมาถึงห้องนอนแล้วพบว่ามีใครสักคนอยู่ข้างๆ ให้พูดคุย หยอกล้อ หนุนตักให้หายเหนื่อย มันย่อมสุขใจ และโรแมนติก กว่าการมาถึงเตียงแล้วพบแต่ความว่างเปล่าไร้คนข้างกายเป็นไหนๆ
แต่ สิ่งที่ต้องจำใส่ใจก็คือ การจะทำให้การนอนร่วมกันของคุณและคู่รักเป็นไปอย่างราบรื่น ก็คือต้องท่องไว้เสมอว่า เวลาอยู่ในห้องนอนแสนสุขนี้ ควรจะคุยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของคุณสองคนเท่านั้นนะคะ ไม่ควรจะพูดเรื่องงานเงิน ค่าใช้จ่าย หมา แมว ละครหลังข่าว หรือซุบซิบคนข้างบ้านเวลานี้เด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้บรรยากาศโรแมนติกหายเกลี้ยงแล้ว ยังอาจกลายเป็นเรื่องที่ฟังแล้วไม่เข้าหู พาลให้ทะเลาะกันก่อนนอนไปซะงั้น
* ห้องนอนคือ สถานที่ส่วนตัวที่มีค่าที่สุด เพราะห้องนอนเพราะเป็นสถานที่ซึ่งคุณจะได้ผ่อนคลาย เป็นตัวเองมากที่สุด ไม่ต้องแอ๊บ ไม่ต้องเก๊ก อยากจะเล่นกุ๊กกิ๊กกับคู่รักแค่ไหน ก็ไม่มีใครเห็น คุณจึงควรใช้สถานที่ส่วนตัวนี้ให้คุ้ม ด้วยการทำให้ห้องนอนไม่ใช่แค่ห้องที่มีไว้หลับเท่านั้น แต่ยังควรทำกิจกรรมรื่นรมณ์อื่นๆ ได้ด้วย เช่น การพูดคุยหยอกล้อ ปรับความเข้าใจกัน ไปจนถึงการมีเซ็กซ์...
สำหรับ ครอบครัวที่มีลูกน้อย ในห้องนอนของลูกๆ ควรจัดให้มีกิจกรรมผูกสัมพันธ์ เช่น เล่านิทาน หรือพูดคุยกับลูกก่อนนอน ก็จะช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับเด็ก และทำให้ครอบครัวของคุณมีความสุขเพิ่มขึ้นมากโขเชียวค่ะ
เมื่อ ครอบครัวมีความสุข ความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายก็ย่อมตามมา คู่รักที่กำลังคิดแยกห้องนอนกัน คงต้องชั่งน้ำหนักสักนิดนะคะ ว่าระหว่างแยกกันนอนเพื่อให้คุณหลับได้เต็มอิ่มแต่ขาดคนข้างกาย หรืออดทนหาทางแก้ไข (ทนนอนสะดุ้งไปก่อน) ทว่าอบอุ่นใจที่มีคนรักอยู่ข้างๆ ทางไหนจะเหมาะกับความต้องการของคู่คุณมากกว่ากัน... ?
เรียบเรียงจาก ไชน์
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น