วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

เคล็ดลับใช้น้ำหอมในหน้าร้อน

เคล็ดลับใช้น้ำหอมในหน้าร้อน

ร้อนจะตาย จะให้เป็นลมเพราะดมกลิ่นตัวเหม็นๆ หรือเวียนเฮดกับกลิ่นน้ำหอมของเพื่อนสาว .. ไม่อยากให้คนรอบตัวรู้สึกแบบนั้น ลองอ่าน

เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า อุณหภูมิที่ร้อนแรงอย่างนี้อย่างบ้านเราส่งผลให้กลิ่นหอมที่เพื่อนๆ ใช้อยู่เปลี่ยนไปได้ และอาจเปลี่ยนจากกลิ่นหอมที่ชวนหลงใหลเป็นกลิ่นที่ไม่พึงปรารถนา เรามารู้เคล็ดลับการใช้น้ำหอมหน้าร้อนกันเถอะเพื่อส่งความหอมให้ทั่วเรือนกายอย่างไม่ผิดเพี้ยน และเป็นที่พึงปราถนาให้กับคนรอบข้างด้วย


1. สำหรับหน้าร้อนนี้การเลือกใช้น้ำหอม ควรเลือกลิ่นน้ำหอมแนวสดชื่น เย็นสบาย กลิ่นอ่อนๆ ไม่ฉุนจนเกินไป อาทิ น้ำหอมที่มีส่วนผสมจาก orange blossom, pear, mint, ginseng และ ginger


2. หากคุณเป็นคนผิวมัน ความร้อนจากอุณหภูมิที่ร้อนแรงจะยิ่งสามารถกระจายกลิ่นน้ำหอมที่คุณใช้ได้แรงกว่า และมากกว่าสภาพผิวอื่นๆ เพราะฉะนั้นในหน้าร้อนนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณควรเลือกกลิ่นน้ำหอมที่อ่อน ๆ เมื่อฉีดจะได้ไม่ฉุนจนเกินไป


3. หากเกรงว่ากลิ่นน้ำหอมที่ใช้อยู่นั้นจะแรงไป ให้หยดน้ำหอมใส่สำลีเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อแทน เพื่อให้กลิ่นหอมอยู่กับเรา และอยู่ได้นานๆ ด้วย หรือ เติมกลิ่นหอมให้สัมภาระในกระเป๋าหรือผ้าเช็ดหน้า โดยการเอาของที่อยากให้มีกลิ่นหอมมาใส่รวมในกล่องที่ปิดฝาได้ แล้วฉีดน้ำหอมใส่สำลีก้อน แล้วใส่ลงไปในกล่องปิดฝาอบกลิ่นเอาไว้ วิธีนี้ใช้ได้กับเสื้อผ้าในตู้ด้วย ดีกว่าพรมน้ำหอมลงไปบนเสื้อทำให้เกิดรอยด่างที่เสื้อได้


4. ฉีดน้ำหอมใส่ฝ่ามือ เวลาจับมือใครจะได้หอมๆ และชวนสัมผัส เพราะหน้าร้อนบางคนจะมีเหงื่อออกที่ฝ่ามือจึงอาจส่งกลิ่นที่ไม่พึงปรารถนาได้


5. ในกรณีน้ำหอมแบบแต้ม ควรใช้ Cotton Bud แตะน้ำหอมจากปากขวดแทนนิ้วมือ แล้วไปแต้มตามบริเวณจุดชีพจรต่าง ๆ บนร่างกาย เพราะกลิ่นน้ำหอมในขวดจะเปลี่ยนได้ หากได้รับความร้อนจากอุณหภมิจากนิ้วมือของเรา


6. ถ้าอยากหอมไปทั้งวัน แนะนำให้ใช้ Shampoo, Shower gel, deodorant ที่มีกลิ่นเดียวกับน้ำหอมจะช่วยให้ความหอมอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น


7. เคล็ดลับสำหรับเส้นผม และในหน้าร้อนนี้ เหงื่อออกมาทั่วเรือนกายไม่เว้นแม้แต่เหงื่อบนหนังศีรษะ ดังนั้นเพื่อคงความหอมทั่วเรือนกาย ให้ฉีดน้ำหอมที่ผมโดยห่างประมาณ 1 ฟุต โดยใช้กลิ่นเดียวกับกลิ่นหอมที่ฉีดที่ตัว หรือฉีดสเปรย์น้ำหอมกลิ่นเดียวกันลงบนแปรงหวีผม สเปรย์ห่าง ๆ พอให้ละอองจับบนแปรง แล้วค่อยบรรจงหวีผม แต่แอลกอฮอล์ต่าง ๆ ในน้ำหอมอาจทำให้ผมเสียได้ เพราะฉะนั้นต้องหมั่นทรีตเม้นผมเป็นประจำด้วย


เพียง 7 ข้อนี้กับเคล็ดลับการใช้น้ำหอมหน้าร้อน คุณก็จะเป็นคนที่ใครๆ ปรารถนาอยากจะใกล้ชิดแล้วหละ ด้วยกลิ่นที่ชวนหลงใหลรับฤดูร้อนนี้


ที่มา
http://www.myfri3nd.com/board/view_topic.php?cate_id=8&post_id=3961

10 เรื่องจริงของความงาม ที่คุณต้องรู้

10 เรื่องจริงของความงาม ที่คุณต้องรู้

1. สุดยอดแห่งความงามนั้นอยู่ที่จิตใจ เมื่อคุณรู้สึกดี คุณก็จะดูดีไปเองโดยปริยาย

2. ความเครียดคือศัตรูตัวฉกาจ! อ้างอิงโดย ดร.ชอน ทาลบอทท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์แห่งฟาร์มาเน็กซ์ กล่าว่าคอร์ติซอล (Cortisol) คือฮอร์โมนความเครียดตัวสำคัญซึ่งเป็นกุญแจหลักในการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพต่าง ๆ รวมถึงปัญหาความอ้วนคอร์ติซอลเป็นสารเคมีตามธรรมชาติเช่นเดียวกับอะดรีนาลีน ซึ่งร่างกายจะผลิตเมื่อเกิดความเครียด ขณะวิตกกังวลหรือเมื่ออยู่ในอันตราย หากการผลิตสารเคมีเกิดขึ้นในปริมาณมาก (ระหว่างเกิดอาการเครียด) สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่สำคัญได้ คือเกิดอาการอ่อนเพลียในระยะยาว ซึ่งการแก้ปัญหานั้นสามารถทำได้โดยการควบคุมสมดุลของคอร์ติซอลนั่นเอง

3. สิวคือสาเหตุแห่งความเครียด และในทางกลับกัน ความเครียดก่อให้เกิดสิว โดยอ้างอิงจาก ดร. อเล็กซา คิมบอล นักวิจัยนูสกิน ซึ่งระบุว่าช็อกโกแลต อาหารไม่เป็นประโยชน์ ตลอดจนการไม่ชำระล้างใบหน้านั้นไม่ก่อให้เกิดสิว! ระดับฮอร์โมนและแบคทีเรียที่ถูกสร้างขึ้นต่างหากคือสาเหตุสำคัญ ดังนั้น การควบคุมปัญหาการเกิดสิวจึงควรเริ่มต้นที่การดูแล ซึ่งมันก็ไม่ใช่เพียงการแต้มยารักษาบนสิวเท่านั้น

4. จากผลสำรวจและศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวที่ขัดแย้งกันของผู้หญิงสิงคโปร์ที่มีต่อสุขภาพและความงาม โดย 78% เห็นตรงกันว่าสุขภาพเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุดสืบเนื่องจากอายุซึ่งมากขึ้น เช่นกันกับ 87% กล่าวว่าพวกเธอไม่ชอบหน้าตาที่เป็นอยู่ และ 75% รับไม่ได้กับริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดขึ้น

5. “โรคติดเชื้อทางผิวหนังอย่างโรคแผลเปื่อย (เรื้อนกวาง) เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในประเทศพัฒนาแล้ว” ฌอง ฟรังซัว ชาเรส ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์แห่งอีวอคซ์ (Evaux) กล่าว และจากการค้นคว้าล่าสุดโดยนักวิจัยชาวบอสตันจาก เลธ อิสราเอล ดีโคเนส เมดิคอล เซ็นเตอร์ (Beth Israel Deaconess Medical Center) ยังได้ยืนยันทางเอกสารว่ามีความเกี่ยวพันกันระหว่างความเซนซิทีฟของผิวหนังในขั้นรุนแรง (79%) กับผู้ป่วยไมเกรน

6. จอยส์ ลิม ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังกล่าวว่า “การรับประทานอาหารเสริมและการทาครีมประเภทคอลลาเจนนั้นไม่ได้ผล” การกระตุ้นคอลลาเจนจากภายในสำคัญที่สุด

7. คุณมีตัวเลขสุขภาพไหม การรู้ตัวว่าคุณอยู่ห่างจากอนุมูลอิสระเป็นกุญแจดอกสำคัญในการต่อสู้การถูกโจมตีในแต่ละวัน และอีกครั้งที่เทคโนโลยีได้กลายเป็นยุทธวิธีป้องกันแบบใหม่

ฟาร์มาเน็กซ์ ไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์ (Pharmanex BioPhotonic Scanner) คือการวัดปริมาณแอนติออกซิแดนท์ของแคโรทีนนอยด์ โดยจะทำการบอกตัวเลขของจำนวนกิจกรรมเพื่อยับยั้งการเกิดออกซิเดชั่นที่ต้องการ ซึ่งถือเป็นวิธีแรกของโลกที่นับว่าไม่รุนแรง ถึงแม้ว่าขณะนี้วิธีดังกล่าวจะมีเฉพาะฟาร์มาเน็กซ์เท่านั้น ก็ได้มีการพิสูจน์แล้วว่าเพื่ออนาคตของสุขภาพที่สมบูรณ์กว่า ตัวเลขของคุณอาจอยู่ถัดไปจากนี้ก็ได้

8. ระดับน้ำในผิวหนังของเรา เอสที ไมโครอีเล็คโทรนิค และลอรีอัล กำลังใช้ชิปผิวสัมผัสโดยเอสที ซึ่งเทคโนโลยีซิลิคอนอิมเมจ เซ็นเซอร์ในโปรเจ็กต์การวิจัยค้นคว้าเพื่อพัฒนาแบบแผนการวิเคราะห์รายละเอียดของระดับน้ำในผิวหนังมนุษย์ให้ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น (แหล่ง Beauty-uk.co.uk)

9. เราลดน้ำหนักไม่ลงสักที เพราะเรากินมากกว่าที่เรารับประทานมากกว่ามื้อปกติขณะดูทีวี ทำงาน และอ่านหนังสือ แถมยังปลดปล่อยตัวเองจากความเครียด หรือกดดันโดยการกินอีกด้วย ลองลงบันทึกว่าคุณรับประทานอะไรบ้างในแต่ละวัน จานใบเล็ก ช่วยให้กินได้น้อยลง นี่ไม่ได้พูดให้ทำตามนะ แต่มันได้ผลจริง ๆ

10. ได้ค้นพบว่า ด้วยปริมาณโพลีฟีนอลที่มีมากกว่าถึงสามเท่า ทำให้ชาขาวมีอานุภาพและประสิทธิภาพมากกว่าชาเขียว ชาขาวยังช่วยปกป้องโปรตีนในผิวหนัง ป้องกันผิวหน้าแตกแห้ง หลุดลอก จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเคส เวสเทิร์น รัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่าชาขาวยังช่วยป้องกันเซลล์ซึ่งดูแลส่วนสำคัญของร่างกายที่ทำหน้าที่รักษาระบบภูมิคุ้มกันผิวหนัง อีกทั้งช่วยบรรเทาอาการของผิวหนังที่ถูกแสงแดดแผดเผาระยะยาว อันเป็นสาเหตุของปัญหาแก่ก่อนวัย

whitening แต่ละชนิดต่างกันยังไงนะ

whitening แต่ละชนิดต่างกันยังไงนะ

ในคนเอเซีย มีค่านิยมตั้งแต่ดั้งเดิมแล้วว่า การที่มีสีผิวขาว นวลเนียน ย่อมนำมาซึ่งเสน่ห์ดึงดูดใจต่อเพศตรงข้าม ไม่ว่าชาย หรือ หญิง ดังนั้น จึงมีหลายคนที่พยายามเปลี่ยนแปลงสีผิวของตนเอง ให้ขาวขึ้นๆ


ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับผิวหนังและสีผิว
1. ผิวหนัง
ทำหน้าที่ในการปกป้องสิ่งที่อยู่ในร่างกายจากภายนอก เช่น แสงแดด มลภาวะ เชื้อโรค และอื่นๆ

2. การป้องกันอันตรายของรังสีอุลตราไวโอเลตจากแสงแดด
อันนำมาซึ่ง ความแก่ ริ้วรอย มะเร็งผิวหนัง ฯลฯ ทำให้ร่างกายต้องสร้างเม็ดสี melanin pigments เพื่อป้องกัน แต่เม็ดสีเหล่านี้ จะแตกต่างกัน ทั้งคุณสมบัติด้านกายภาพ ทางเคมี หรือ ชีวเคมี ในแต่ละคน เชื้อชาติ กรรมพันธุ์ จึงทำให้คนเรามีสีแตกต่างกัน

3. ขบวนการในการสร้างเม็ดสีในร่างกาย
เราเรียกว่า Melanogenesis ถ้าทำงานมากหรือ น้อยเกินไป ก็อาจเกิดปัญหาสีผิวแตกต่างได้ อาทิ เกิดฝ้า กระ รอยหมองคล้ำ รอยด่างขาว ขี้แมลงวันในคนสูงอายุ กลไกการสร้างตามขบวนการดังกล่าว มีรายละเอียดพอสังเขปดังนี้

melanocyte (เซลล์ชนิดหนึ่งในชั้นผิวหนังกำพร้า) ประกอบด้วยส่วนประกอบที่เรียกว่า Melanosome ซึ่งใช้ เอนไซม์ Tyrosinase ในการผลิตเม็ดสี Melanin

ดังนั้น ครีม หรือสารทั้งหลาย ที่จะทำให้สีผิวขาวขึ้น ต้องมีฤทธิ์ในการรบกวน ขบวนการ ขั้นตอน หรือเอนไซม์ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสีเมลานินนี้

กลุ่มสารที่ทำให้ผิวขาวขึ้น( Whitening agents) ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด หรือที่คลินิกผิวพรรณทั้งหลาย จำแนกตามกลไกการทำงานได้ดังนี้

1. สารป้องกันแสงแดด เพื่อลดการทำลาย หรือ การสร้างเม็ดสีมากขึ้น ได้แก่ ครีมกันแดดทั้งหลาย

2. รบกวนการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase หรือ Melanosomeในขบวนการสร้างเม็ดสีผิว แบ่งย่อยๆ ได้เป็น
- Hydroquinone เดิมใช้ผสมในครีมรักษาฝ้า เพื่อลดและลบรอยดำจากฝ้า มีส่วนผสมตั้งแต่ 2-5 % HQ แต่ถ้าใช้ติดต่อกันนานๆ จะมีผลข้างเคียงได้ และทำให้ฝ้ากลับมาเป็นใหม่ได้จากผลของยาเอง ดังนั้นในปัจจุบัน ทางอ.ย ของไทย จึงห้ามผสมในเครื่องสำอางค์ แต่ในคลินิก ถ้าอยู่ในความดูแลของแพทย์ ยังสามารถใช้ได้
- Vitamin C อาจในรูปของสารละลาย (สำหรับใช้ในการทำไอออนโต) หรือในรูปของครีมทาผิว หรือ การรับประทานวิตามินซีเม็ด ซึ่งกรณีการรักษาฝ้า แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานวิตามิน C ควบคู่ไปด้วย ประมาณ 100-200 มก.ต่อวัน
- Kojic Acid ซึ่งใช้เป็นส่วนผสม ของผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ครีมรักษาฝ้า ครีมทาหน้าขาว
- Arbutin ส่วนประกอบคล้ายๆ ไฮโดรคลิโนน แต่ไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์เมลานิน ในคลินิกผิวหนัง มักนำมาใช้รักษาฝ้า แทน ยาไฮโดรคลิโนน แม้ให้ผลการรักษาช้ากว่า แต่ก็มีผลข้างเคียงน้อย
- Licorice เป็นผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากแป้งสาลี ชะเอม ปัจจุบันนิยมนำมาผสมในเครื่องสำอาง เช่นแป้งรองพื้น ครีมบำรุงผิวหน้า ผิวกาย ลิปติค ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ( ซึ่งในปัจจุบัน ในโฆษณาทางทีวี หรือสื่อต่างๆ จะบ่งว่าใช้ส่วนผสมของสารตัวนี้ เพราะมีความคงตัวมากกว่า สารตัวอื่นๆ ในกลุ่มนี้ )
- สารสกัดทางธรรมชาติ ซึ่งจะมีการค้นคว้าอีกมากมาย แต่ยังไม่ฮิตติดอันดับสำหรับการนำมาใช้เท่าสารเคมีที่กล่าวมาข้างบน อาทิ Green Tea Extract, Compositae(สารสกัดจาก matricaria)แต่ในอนาคตอาจมีสารกลุ่มนี้มากขึ้นกว่านี้

นอกจากนี้ การทำให้สีผิวขาวขึ้น ด้วยการทำ Peeling การทำไอออนโต การทำ Phonophoresis การขัดผิวให้ขาว ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่อยากขาว

แท้ที่จริง การมีผิวพรรณที่ขาวสะอาดสะอ้าน ในแง่ความปลอดภัยจากแสงแดด จะสู้คนผิวดำไม่ได้ เพราะมีความสามารถในการกลั่นกรอง ป้องกันอันตรายจากสิ่งภายนอกได้น้อยกว่า

แหล่งที่มา : คลีนิกนีโอ

Beautyful Cream




Beautyful Cream

เครื่องสำอางที่คุณผู้หญิงส่วนใหญ่มีไว้ในครอบครอง และพิถีพิถันในการเลือกใช้ คือ ครีมชนิดต่างๆ ซึ่งมีมากมายตามเคาน์เตอร์เครื่องสำอางทั้งหลาย มาทำความรู้จักกับครีม ชนิดต่างๆ ที่ใช้กันอยู่เป็นประจำกันนะคะ

ครีมล้างหน้า (Cleansing Cream)



การล้างหน้าที่มีเครื่องสำอางอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การจะใช้สบู่เพียงอย่างเดียวไม่ สามารถล้างเครื่องสำอางที่เกาะติดแน่นทนนานเพื่อความงามตลอดวันนั้นโดยง่ายครีม ล้างหน้าจึงมีบทบาทสำคัญมากเพราะสามารถล้างเครื่องสำอางได้หมดจด ซึ่งครีมล้าง หน้าก็มีหลายชนิด บางชนิดที่มีราคาสูงหลังจากเช็ดครีมด้วยสำลีหรือกระดาษเนื้อนุ่ม แล้วก็ล้างน้ำธรรมดาได้เลยแต่ครีมบางชนิดเมื่อเช็ดออกแล้วต้องล้างด้วยสบู่หรือโฟม อีกครั้ง หน้าจึงสะอาดสะอ้านดังเดิม

อายครีม (Eye Cream)


เป็นครีมที่ใช้บำรุงผิวรอบๆ ดวงตา ซึ่งเป็นส่วนที่บอบบางมากอายครีม จึงเป็นครีม ที่มีความบางเบาเป็นพิเศษ เพื่อผิวบริเวณนี้โดยเฉพาะ เพราะผิวรอบดวงตา มักจะไว และ แพ้ได้ง่าย

ไนท์ครีม (Night Cream)


เป็นครีมที่ใช้ทาหน้าเพื่อบำรุงผิวตลอดคืน ไนท์ครีมมักมีความเหนียวข้น มีความมัน ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องดูแลผิวให้ชุ่มชื้นสดใสจนถึงวันใหม่

ครีมรองพื้น (Foundation Cream)


ไม่ได้ช่วยบำรุงผิวหน้าแต่จะช่วยกลบเกลื่อนริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า ทำให้หน้าเนียน เรียบ และจะเกาะติดกับแป้งทำให้เมื่อทาแป้งแล้ว นอกจากผิวจะดูเรียบเนียนสวยใสยังทำ ให้แป้งติดทนนาน ครีมรองพื้น มีทั้งแบบชนิดครีม ชนิดน้ำ หรือชนิดโฟม

ครีมกันแดด


ใช้ทาเพื่อป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต ช่วยปกป้องผิวให้พ้นจากการเป็นฝ้าหรือจุดด่าง ดำที่มาจากการทำลายของแสงแดด เครื่องสำอางหลายชนิดได้ผสมสารป้องกันรังสี UV นี้ไว้แล้ว

ครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer)


เป็นครีมบำรุงผิวหน้า ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนโดยอาจจะปรับเปลี่ยนเป็นช่วง กลางวัน ทาเพียงบางๆ ก่อนแต่งหน้า

บอดี้ครีม (Body Cream)


เป็นครีมทาตัว ซึ่งจะช่วยให้ผิวหนังดูสดใสขึ้น ให้ความชุ่มชื้นกับผิว ลดการสูญเสียน้ำ หล่อเลี้ยงผิว ทำให้ผิวที่เป็นขุยขาวๆ หายไป บอดี้ครีมใช้ทาหลังอาบน้ำ เช็ดตัวให้แห้งแล้ว ทา ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

แฮนครีม (Hand Cream)


เป็นครีมสำหรับทามือ ช่วยให้ผิวบริเวณมือไม่เหี่ยวย่นเพราะมือเป็นส่วนที่สัมผัสกับ ความร้อนและเย็นมากที่สุดการล้างมือทุกครั้งทำให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงผิว มือจะแห้ง หยาบกร้าน แฮนด์ครีม ใช้บำรุงมือโดยทาหลังการล้างมือทุกครั้ง


ครีมต่างๆ ที่กล่าวมานั้น เป็นครีมที่ คุณผู้หญิงส่วนใหญ่รู้จัก และเคยใช้หรือใช้อยู่เป็น ประจำ นอกจากนี้ยังมีครีม อีกหลายชนิด ได้แก่ ครีมขัดหน้า ครีมนวดหน้า ครีมพอกหน้า ครีมลอกหน้า เป็นต้น ครีมเหล่านี้ เราควรมอบหมายให้กับ ช่างแต่งความงามเป็น

ครีมทาหน้าขาว มีกี่ชนิด ทำงานอย่างไร เลือกใช้ยังไง


ครีมทาหน้าขาว มีกี่ชนิด ทำงานอย่างไร เลือกใช้ยังไง

ครีมหน้าขาว (Whitening Cream ) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะคนไทยเราผิวออกดำแดง บ้างก็ดำเข้ม ส่วนใหญ่จึงอยากให้ผิวดูขาวใสขึ้น แน่ละ คนเรามักชอบอะไรที่แตกต่างจากตัวเอง อย่างฝรั่งชอบผิวคล้ำ ดำ แทน ขณะที่เราชอบผิวขาวสเป็ก “ขาวสวยหมวยตี๋” ปัจจุบันครีมหน้าขาวมีให้เลือกใช้หลายชนิดราคามีตั้งแต่หลักร้อยจนกระปุกเป็นหมื่น สรรพคุณที่ว่า ดีสมราคาหรือไม่การเข้าใจถึงส่วนผสมและกลไกการออกฤทธิ์ต่อผิวจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยทั่วไปสารซึ่งทำให้ผิวขาวขึ้นได้แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ

ชนิดกระตุ้นการหลุดลอกของเซลล์ผิวชั้นนอก กลุ่มนี้ไม่ได้ลดการสร้างเม็ดสีโดยตรง เพียงแต่ลอกเซลล์เก่าซึ่งตายแล้วออกไป ผิวจึงดูขาวขึ้นได้ สมัยก่อนอาจใช้ไวน์ โยเกิร์ต ฝานมะเขือเทศ นำมาพอกหน้าแล้วทำให้ผิวขาวใสขึ้น แท้จริงแล้วในสิ่งเหล่านี้มีกรดผลไม้ซึ่งออกฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวเก่าๆ ให้หลุดออกไปได้ง่ายนั่นเอง เรียกรวมๆ ว่า AHA (Alpha Hydroxy Acids) ซึ่งยังแบ่งเป็นชั้นย่อยๆ ตามแหล่งที่มาอีกด้วย เช่น ไวน์ หรือองุ่นให้กรดทาร์ทาริก (Tartaric) นมเปรี้ยว มะเขือเทศ ให้กรดแลคติก (Lactic) แอ๊ปเปิ้ลให้กรดมาลิก (Malic) ส้ม มะนาว ผลไม้รสเปรี้ยวให้กรดซิตริก (Citric) อ้อยให้กรดไกลโคลิก (Glycolic) ซึ่งแหล่งที่ให้กรดที่ออกฤทธิ์ต่อผิวดีที่สุดได้จากอ้อย


เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมขอกรดผลไม้ที่จำหน่ายในท้องตลาดกฎหมายควบคุมให้มีความเข้มข้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ เพราะหากสูงกว่านี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะอาจทำให้เกิดการลอกจนแสบไหม้ได้ ความเข้มข้นสูงจึงถูกนำไปใช้ทำ “AHA Treatment” ทาแล้วล้างออก ไม่ได้ทิ้งไว้ตลอดคืนเหมือนกรดผลไม้ความเข้มข้นต่ำ โดยทำสัปดาห์ละครั้งเพื่อให้มีการหลุดลอกของเซลล์ผิวชั้นนอกเร็วขึ้น แพทย์จะเป็นผู้เลือกความเข้มข้นตามความเหมาะสม ซึ่งมีตั้งแต่ 20-70 เปอร์เซ็นต์


นอกจากนี้มีสารอื่นที่พอหาซื้อได้อีก เช่น BHA (Beta Hydroxy Acids) หรือกรด ซาลิไซลิก (Salicylic Acid) นั่นเอง สมัยก่อนใช้ความเข้มข้นสูงทาบริเวณลำตัวในตำแหน่งผิวหยาบกร้าน หนา หรือหูดที่ไม่ต้องการออกไป ต่อมาได้พัฒนาเป็นครีมทาผิวหน้าโดยใช้ความเข้มข้นต่ำๆ ไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลอกรอยดำคล้ำ ปัจจุบันผสมอยู่ในเครื่องสำอางหรือครีมหน้าขาวในท้องตลาด


ชนิดยับยั้งการทำงานของเม็ดสี ตามธรรมชาติเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocytes) อยู่ในชั้นล่างสุดของหนังกำพร้า เมื่อได้รับการกระตุ้นจากฮอร์โมนหรือรังสียูวี จากแสงแดด จะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีเหล่านี้สร้างเม็ดสี (Melanin) เพิ่มขึ้น ผิวจึงดูคล้ำลงโดยอาศัยเอนไซม์ที่เรียกว่าไทโรซิเนส (Tyrosinase) ภายในเซลล์เองไปเปลี่ยนโปรตีนไทโรซิน (Tyrosine) ในเซลล์ ร่วมกับการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) ได้เป็นเม็ดสีขึ้นและเม็ดสีที่สร้างขึ้นนี่เองจะคล้ายๆ เคลื่อนตัวขยับขึ้นไปชั้นบน ยิ่งใกล้ผิวชั้นนอกสุดเท่าไรก็จะรู้ว่าส่วนผสมของสารทำให้ผิวขาวที่มีอยู่ในเครื่องสำอางนั้นออกฤทธิ์ในตำแหน่งใด เช่น กรดโคจิก (Kojic Acid), อาร์บูติน (Arbutin), วิตามินซี ( L-ascorbic Acid) วิตามินบี 3 (Niacin) วิตามินซี




ทีมา
http://i-puk.com/beauty/tip10.php

สุดยอดอาหารสร้างความอ่อนเยาว์


สุดยอดอาหารสร้างความอ่อนเยาว์

ผิวหน้าเป็นส่วนสำคัญมากสำหรับผู้หญิงทุกคนครับ ดังนั้นการดูแลรักษาผิวหน้าให้สวยใสมีสุขภาพดี จึงมีความสำคัญพอๆ กับผิวกายด้วยนะครับ ซึ่งเคล็ดลับการดูแลผิวหน้านั้น นอกจากการล้างหน้าให้สะอาด เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ดี นอนหลับพักผ่อนอย่าเพียงพอแล้ว อาหารก็ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวพรรณสวยๆ ของสาวๆ อ่อนเยาว์ลงอีกด้วย สำหรับอาหารที่ทำให้ผิวหน้าสวยใสจะมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันเลย

1. น้ำสะอาดบริสุทธิ์

เซลล์ผิวหน้านั้นต้องการความชุ่มชื่นเพื่อดำรงความเข็มแข็งอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้าครับ และเป็นการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับร่างกาย หากอยากมีสุขภาพผิวดี อ่อนเยาว์ สาวๆ ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วนะครับ

2. ผักผลไม้

อุดมไปด้วยวิตามิน เอ และซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น มันฝรั่งหวานและแครอท อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และต่อสู้กับอนุมูลอิสระตัวการก่อมะเร็งร้าย วิตามินซียังสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวตึงกระชับและมีเลือดฝาดอย่างเป็นธรรมชาติด้วยนะครับ


3. บลูเบอร์รี

อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและต้านมะเร็ง ซึ่งในบลูเบอร์รีมีสารชื่อว่า สารไฟโตเคมิคอล สารนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการลดผลกระทบจากบุหรี่ควันพิษ และสารเคมีรอบด้านซึ่งเป็นการปกป้องผิวพรรณโดยธรรมชาติ


4. จมูกข้าว

อุดมไปด้วยวิตามินบี วิตามินอี ซีลีเนี่ยม ช่วยในการชะลอความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง และเพิ่มประสิทธิภาพครีมบำรุงผิวให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถป้องกันริ้วรอยแห่งวัยได้ด้วยล่ะครับ


5. ปลาแซลมอน

อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 รวมทั้งมีกรดไขมันและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการดูแลสุขภาพผิว นอกจากนี้ปลาแซลมอนยังเป็นผลดีสำหรับหัวใจ และยังช่วยบำรุงผิวหนัง ผิวแห้ง ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์สดใส



อาหาร 5 ชนิดนี้จะช่วยให้การดูแลผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผิวหน้ามีสุขภาพดี แข็งแรง และทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นด้วย







ขอขอบคุณ Woman’s Story

เคล็ดลับกระชับรูขุมขน

เคล็ดลับกระชับรูขุมขน


เตรียมอุปกรณ์
1. ก้อนน้ำแข็งเย็นเจี๊ยบสักก้อนสองก้อน
2. กระดาษทิชชูเนื้อละเอียด หรือผ้าสะอาด

วิธีทำ
1.ทำความสะอาดผิวหน้าให้เรียบร้อย
2.นำก้อนน้ำแข็งที่เตรียมไว้ไปผ่านน้ำสัก 1-2 วินาที เพื่อให้น้ำแข็งสะอาดและละลายเล็กน้อยจนผิวสัมผัสเรียบขึ้น
3.นำก้อนน้ำแข็งมาห่อด้วยกระดาษทิชชูสัก 3-4 ชั้น หรือผ้าบางๆ สัก 2 ชั้น เพื่อไม่ให้เย็นหน้าจนเกินไป
4.รอให้น้ำแข็งละลายพอชุ่มๆแต่ไม่แฉะ เพราะน้ำจะช่วยหล่อลื่นและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ด้วย
5.นำมาถูบนใบหน้าเบาๆ จากศูนย์กลางหน้าออกไปด้านข้าง โดยเน้นบริเวณทีโซนและแก้มเป็นพิเศษ
-ทำครั้งละประมาณ 1-2 นาที
-ทำอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน คือหลังตื่นกับก่อนนอน
-ทำสัก 3 เดือน แล้วลองสังเกตความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าตัวเองดู

ข้อควรระวัง
- อย่าใช้น้ำแข็งที่ออกมาจากตู้เย็นใหม่ๆ สัมผัสผิวหน้าโดยตรงเด็ดขาด เพราะผิวหน้าที่บอบบางอาจจะปรับตัวไม่ทัน หรือถูกน้ำแข็งดูดจนพอง
- อย่าใช้น้ำแข็งที่สกปรก
- อย่ากดก้อนน้ำแข็งแรงๆ จนบี้ไปกับผิวหน้า เพราะอาจทำให้ผิวเย็นจนเกิดอาการช็อกหรือเป็นรอยได้


ที่มา jeban

5 วิธีปลุกความสดใสแบบเร่งด่วน

5 วิธีปลุกความสดใสแบบเร่งด่วน

ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกอ่อนเพลีย เหี่ยวเฉาจนเกินจะลุกไหว เรามีเคล็ดลับแบบกันเองและแสนง่าย ที่จะช่วยปลุกความสดใสให้คุณตื่นตัว และมีชีวิตชีวาในเวลาแสนจำกัด
คนเมืองอย่างเรานั้นใช้เวลาในแต่ละวันแสนคุ้มค่า หรือจะเรียกได้ว่าเวลา 24 ชั่วโมงนั้นอาจไม่พอด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นล่ะ ยิ่งเราใช้เวลามากเท่าไร ก็เหมือนร่างกายจะยิ่งอ่อนล้ามากเท่านั้น บางวันเราจึงตื่นนอนพร้อมความอ่อนเพลีย และหมดเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรต่ออีก หรือถึงจะลุกจากเตียงไหว แต่ก็รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงไปทั้งวัน

เอาเป็นว่าเกร็ดสุขภาพดีๆ นั้นมีอยู่ สบายอารมณ์จึงขอแนะนำทางลัดแบบเรียบง่าย ที่ลองได้ทำปุ๊บก็ได้ความสดใส ตื่นตัวขึ้นมาได้ปั๊บ แถมยังเป็นไอเดียสบายๆ ที่พกใช้ได้ในทุกๆ วันอีกด้วย เป็นอะไรบ้างนั้นไปดูกัน

1. อาบน้ำอุ่น - เย็น
อาบน้ำอุ่นนั้นดีต่อการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ส่วนน้ำเย็นจะให้ผลตรงกันข้าม นั่นคือการปลุกความสดชื่นตื่นตัวขึ้นมาทันตา การอาบน้ำที่ช่วยปลุกความสดชื่น จึงเป็นการเริ่มต้นน้ำอุ่นแล้วปิดท้ายด้วยน้ำเย็น เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ลองอาบน้ำด้วยสบู่หรือชาวเวอร์เจลที่ให้กลิ่นแบบซีทรัส หรือกลิ่นส้มๆ เปรี้ยวๆ ที่ยิ่งช่วยกระตุ้นความสดใสได้อีกเท่า

2. สครับผิวกาย
หากมีเวลา การสครับผิวไม่ว่าจะทำด้วยตัวเองหรือไปสปา ก็ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น และได้ผิวสวยๆ ดูสุขภาพดีอีกด้วย หาโอกาสนี้ปลุกความกระปรี้กระเปร่าดูบ้าง แล้วจะพบว่าเนื้อสครับธรรมชาติทั้งหลายนั้น ได้ทั้งกลิ่นหอมๆ และมอบผิวสัมผัสชวนตื่น (แต่นุ่มนวล) กับผิวเราจริงๆ

3. ทานอาหารเช้า
การทานอาหารเช้านั้นดีต่อสุขภาพอย่างที่สุด ที่สำคัญคือเป็นการเติมพลังงานที่ร่างกายเราจะออมใช้ไปทั้งวัน และทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าได้ไม่แพ้การปลุกกระตุ้นใดๆ ขอแนะนำอีกนิดว่า ควรทานให้ได้สารอาหารครบครัน อย่างน้อยๆ ก็มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันเล็กน้อย และมีน้ำผลไม้สดปิดท้ายสักแก้วก็ยิ่งแจ๋ว

4. ยืดเส้นยืดสาย
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้จักวิธีโยคะยามเช้า คุณจะได้เปรียบมากเลยทีเดียว กับการทำสุริยนมัสการสัก 12 รอบ รับรองเลยว่าจะตื่นตัวเต็มที่ และยังเคลื่อนไหวด้วยความคล่องแคล่วไปทั้งวัน หรืออาจทำกายบริหารง่ายๆ สัก 15 นาทีที่เน้นการยืดตัวท่าต่างๆ วิธีนี้ก็ช่วยได้มากเหมือนกัน

5. บีบนวดผ่อนคลาย
ถ้าความอ่อนล้าของคุณคือร่างกายที่ไม่ตอบสนอง ลองใช้กลิ่นบำบัดเป็นตัวช่วย กับการนำน้ำมันหอมระเหยกลิ่นชวนตื่นตัว เช่น ขิง ส้ม มะนาว มานวดผิวกายเบาๆ นอกจากการสัมผัสร่างกายที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อแล้ว กลิ่นดีๆ เหล่านี้ ยังชวนสดใสแค่เพียงเราสูดดมอีกด้วย นับว่าเป็นการใช้ธรรมชาติช่วยที่ได้ผลแบบทันใจทีเดียว


ข้อมูลจาก www.sabai-arom.com

เคล็ดลับการดูแลให้ "นมเด้ง" ตลอดกาล


เคล็ดลับการดูแลให้ "นมเด้ง" ตลอดกาล

- เต้านม-สิ่งที่บ่งบอกความเป็นเพศหญิง ทุกคนย่อมอยากมีหน้าอกที่สวยได้รูป เมื่ออกย้อย คล้อย เสียรูป เสียทรงจึงเป็นปัญหาหนักอกที่สาวน้อย สาวใหญ่ หวั่นวิตก และหันมาใช้ผลิตภัณฑ์นมเด้งที่มีอยู่เกลื่อนตลาด

- อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเลือกผลิตภัณฑ์เหล่านี้ดูแลหน้าอกก็มีเรื่องที่ควรรู้และต้องระมัดระวัง ภายในเต้านมประกอบด้วยส่วนของ


เนื้อเยื่อสร้างน้ำนมและเนื้อเยื่อไขมันวางอยู่บน กล้ามเนื้อทรวงอก ซึ่งจะทำหน้าที่เหนี่ยวรั้งน้ำหนักของเต้านมไว้ให้ตั้งขึ้นและเต่งตึงเสมือนหนึ่งเป็นเสื้อยกทรงธรรมชาติ แต่เมื่อสรีระของร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น มีการเพิ่มหรือลดของน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว หรือหญิงในวัยใกล้หรือในวัยหมดประจำเดือน เต้านมจะหย่อนยานอย่างชัดเจน กลายเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของผู้หญิงหลายต่อหลายคน

สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้เต้านมหย่อนยาน เกิดจากหลายๆ ปัจจัย คือ มีการลดน้ำหนักตัวอย่างฮวบฮาบ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก รูปร่างอ้วน มักจะมีไขมันสะสมพอกพูนบริเวณเต้านมมาก เมื่อลดน้ำหนักอย่างฮวบฮาบ โดยอาศัยยาลดน้ำหนัก ทำให้ส่วนที่หายไปก่อนคือไขมันส่วนเกินนั่นเอง ผิวหนังภายนอกที่เคยขยายและอุ้มน้ำหนักเต้านมและไขมันส่วนเกินไว้ก่อนหน้านั้น จึงห้อยและหย่อนยานตามสรีระ เนื่องจากกล้ามเนื้อภายในเต้านมไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพิ่มเติม

อีกประการหนึ่งคือ หญิงในวัยใกล้และในวัยหมดประจำเดือน เต้านมจะหย่อนยานตามธรรมชาติ เนื่องจากการลดลงของปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนในกระแสเลือด ฮอร์โมนเอสโตรเจนถูกผลิตและปลดปล่อยออกจากต่อมเนื้อเยื่อ และอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเข้าสู่กระแสเลือดไปยังเนื้อเยื่อและส่วนต่างๆของร่างกายที่มีสถานีรับ ฮอร์โมนชนิดนี้

หน้าที่สำคัญของเอสโตรเจนคือควบคุมการเจริญเติบโตของเต้านม รังไข่ ช่องคลอดและการเจริญพันธุ์ของผู้หญิง นอกจากนั้น ยังมีความสำคัญยิ่งต่อการเสริมสร้างเนื้อเยื่อของกระดูก ป้องกันกระดูกพรุนซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเปราะและแตกหัก ของกระดูก

หน้าอกไม่เด้งดังใจ หย่อนยานก่อนวัย ทำอย่างไรดี หากไม่อยากให้นมหย่อนยานก่อนวัย คือ ไม่ควรลดน้ำหนักตัวอย่างฮวบฮาบ ควรจำกัดอาหารไขมันควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ที่เหมาะสม เช่น การว่ายน้ำ ซึ่งถือเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด วิธีดังกล่าวจะช่วยลดไขมันส่วนเกินพร้อม ๆ กับการกระชับกล้ามเนื้อภายในให้เต่งตึงได้ดี ผิดกับการวิ่งที่กลับจะทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยมากขึ้น

สำหรับหญิงวัยทองซึ่งร่างกายมีการผลิตเอสโตรเจนลดน้อยลงตามธรรมชาติ อาจจะเสริมด้วยอาหารที่มี ส่วนผสมของ “ไฟโตเอสโตรเจน” คำว่า “ไฟโต” แปลว่าพืช หมายถึงสารที่มีลักษณะและคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน แม้ว่าจะมีประสิทธิผลต่ำกว่าฮอร์โมนถึง 100 – 1,000 เท่าก็ตาม ทั้งนี้ สารไฟโตเอสโตรเจนจะพบมากในถั่วเหลือง นมถั่วเหลือง เต้าหู้ และสมุนไพรอื่น ๆ เช่น กาวเครือ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี จากการวิจัยทางการแพทย์พบว่า การที่ร่างกายได้รับสารไฟโตเอสโตรเจนเข้าไปในร่างกายนั้น มีทั้งข้อดี เช่น สามารถทดแทนฮอร์โมนที่ลดน้อยลงได้และสามารถกระตุ้นให้เต้านมเต่งตึงขึ้น ผิวมีน้ำมีนวลขึ้น อาการหงุดหงิดลดน้อยลง ส่วนข้อเสีย คือ ต้านฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจนต่อร่างกายลดลง

ส่วนผู้ที่อยู่ในวัยเด็ก หรือวัยรุ่น(วัยเจริญพันธุ์) ไม่สมควรจะรับประทานอาหารที่มีไฟโตเอสโตรเจนมากเกินไป หรือไม่ควรหาซื้อผลิตภัณฑ์นมเด้งที่มีส่วนผสมของไฟโตเอสโตรเจนมาทาถูนวดที่เต้านม เพราะจะให้ผลในทางตรงกันข้าม ทั้งนี้ หญิงในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตรก็ไม่ควรรับประทานหรือทาถู เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของไฟโตเอสโตเจน รวมถึงผู้ที่มีปัญหาโรคทางเต้านมทั้งหลาย ก็ควรจะระวังเช่นกัน

ผลิตภัณฑ์ “นมเด้ง” ได้ผลจริงหรือ ผลิตภัณฑ์นมเด้ง อย่างครีมนมเด้งซึ่งใช้ถูนวดนั้นไม่ต่างอะไรกับ “มอยเจอร์ไรเซอร์” ที่ช่วยให้ผิวแลดูชุ่มชื่นเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้นมเด้ง อย่างที่คาดหวังกันเอาไว้ หรือในกรณีการตบนมที่เคยเป็นข่าวก็ไม่ได้เกิดผลรวดเร็วดังใจ เพราะการตบนมเสมือนการออกำลังกายของเต้านม ที่ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เหมือนเช่นการเดินมากๆ ที่ทำให้น่องโต เป็นต้น ส่วนไหนจุดไหนทำงานมากกล้ามเนื้อก็แข็งแรง กระชับ แต่ก็เสียงต่อการเกิดมะเร็ง เนื่องจากการตบนมจะไปกระตุ้นการเกิดเซลล์ใหม่ๆ ที่อาจผิดปกติ

ส่วนของสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์ที่รับประทานเข้าไป เอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนที่มีความสำคัญมากมายต่อการเจริญเติบโต ของเนื้อเยื่อส่วนต่างๆของร่างกาย สามารถช่วยเหลือสตรีในวัยทองได้จริงแต่การใช้ครีมคงไม่มีผลอะไรมากนัก ที่พึ่งสุดท้ายจึงเป็นการทำศัลยกรรม ซึ่งต้องถามตัวเองก่อว่า เป็นสิ่งจำเป็นขนาดนั้นหรือไม่

เคล็ด 5 วิธีดูแลอกให้สวยนาน
1. บำรุงด้วยครีม ผิวรอบหน้าอกเป็นผิวที่บอบบาง เกิดความแห้งได้ง่าย เพื่อให้ผิวอกชุ่มชื้นนุ่มนวลอยู่เสมอ ควรบำรุงด้วยครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอลเพื่อป้องกันริ้วรอยย่นยาน สร้างความชุ่มชื้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้แข็งแรง รวมทั้งต้องปกป้องจากแสงแดด แล้วอย่าลืมบริเวณหัวนมด้วยเช่นกัน จึงต้องบำรุงเป็นประจำด้วยครีมที่มอบความชุ่มชื้นสูงอย่างวาสลีนก็ได้

2.เสื้อชั้นในมีโครง การชะลอความหย่อนยานด้วยเสื้อชั้นในแบบมีโครงพยุง สามารถช่วยชะลอความหย่อนยานให้ช้าลงได้ เนื่องจากเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ต่อมน้ำนมและคอลลาเจนจะหดตัวลงแล้วถูกแทนที่ด้วยไขมันมากมายเกิดการหย่อนคล้อยลง ดังนั้นไม่ว่าจะมีหน้าอกแบบไหน เล็กใหญ่ไม่สำคัญ แต่ควรสวมเสื้อชั้นในแบบมีโครงช่วยพยุงอกเอาไว้

3. ครีมกันแดด หน้าอกก็โดนแดดเผาได้เหมือนกัน หากจะเลือกออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ หากไปทะเลหรือต้องออกแดดจัดๆ อย่าลืมทาครีมกันแดดด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 เป็นอย่างน้อย ที่จะช่วยปกป้องจากรังสียูวีเอและบี ไม่เช่นนั้นหน้าอกจะถูกทำร้ายจากแสงแดดเต็มๆ จนก่อให้เกิดเป็นริ้วรอยก่อนวัยและจุดด่างดำ

4. ท่าทางการนอน ไม่น่าเชื่อว่าท่าทางการนอนก็ส่งผลกับรูปร่างหน้าอก แต่การนอนคว่ำหน้าไม่ได้ทำให้หน้าอกเล็กลงแต่อย่างใด แต่การกดหน้าอกลงบนที่นอนเป็นประจำ จะทำให้หน้าอกผิดรูปผิดร่างไป ท่าการนอนที่ดีคือนอนตะแคง แล้วมีหมอนรองหน้าอกเพื่อช่วยพยุงไว้ขณะหลับ

5.ป้องกันสิว ผิวบนหน้าอกและร่องอกเต็มไปด้วยต่อมไขมัน และมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบได้ ยิ่งหน้าอกใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นที่เก็บกักเหงื่อเอาไว้ ทำให้เกิดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวได้ จึงควรทาแป้งบริเวณใต้และร่องอกเพื่อให้ผิวบริเวณนั้นแห้ง และควรทำความสะอาดเป็นประจำทุกวันด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แล้วตามด้วยโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของซาลิไซลิก แอซิด โดยเฉพาะหลังจากการออกกำลังกาย อย่ากลับบ้านไปพร้อมกับบราที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เพราะจะทำให้เกิดเป็นสิวที่หน้าอกได้

เรียบเรียงและค้นคว้าโดย นพ.จรัสพล รินทระ...........10 June,2005
อ้างอิงจากบทความของ รศ.ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล แห่งคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ที่มา
http://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=1&sdata=&col_id=278

ควบคุมน้ำหนัก

ควบคุมน้ำหนัก

คุณสาวๆ ที่กำลังคุมน้ำหนักตัว นิตยสาร "SHAPE" ฉบับเม.ย. มีคำแนะนำจากนักกำหนดอาหารในการเลือกซื้อและกินอาหารในสถานการณ์ต่างๆ ดังนี้

ซูเปอร์มาร์เก็ต

- ไม่ควรซื้อของกินขนาดครอบ ครัว ความประหยัดอาจทำให้คุณลืมคำนึงถึงปริมาณแคลอรี จนได้รับคาร์โบไฮเดรต ไขมัน หรือโปรตีนมากเกินไป

- ซื้ออาหารซองเดี่ยวขนาด 1 หน่วยบริโภค จะได้ไม่เผลอกินเยอะเกินโควตา

- อ่านฉลากโภชนาการทุกครั้งก่อนซื้อ เพื่อเช็กจำนวนหน่วยบริโภคและสารอาหาร นอกจากนี้ระวังของกินห่อเล็กๆ เพราะอาจให้พลังงานมากกว่าที่คิด

- หยิบอาหารสุขภาพเป็นอันดับแรก เลือกหยิบขนมปังโฮลวีต นมถั่วเหลือง ไขมันต่ำ ผลไม้สด ฯลฯ ลงตะกร้า ก่อนคิดถึงขนมเบเกอรี่ ลูกกวาด หรือของขบเคี้ยวต่างๆ

บ้าน

- ใช้ภาชนะขนาดเล็กลง นอกจากควรใส่ใจปริมาณอาหารแล้ว ขนาดของภาชนะทั้งเครื่องดื่มและอาหารควรเปลี่ยนเป็นขนาดเล็ก เก็บขนาดใหญ่ไว้โอกาสพิเศษเท่านั้น

- ลองใช้วิธีปิดฝาจาน หากเติมอาหารลงในจานแล้วปิดฝาไม่ลง แปลว่าอาหารเยอะเกินไป ให้ตักออกจนปิดฝาได้ นานไปจะสามารถ กะปริมาณอาหารที่เหมาะได้เอง

- แบ่งสัดส่วนเพื่อกินอย่างสมดุล ลองแบ่งจานเป็น 2 ส่วน ครึ่งหนึ่งเป็นผักและผลไม้ ครึ่งที่เหลือแบ่งเป็นสองส่วนสำหรับอาหารประเภทโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ที่สำคัญอย่าใช้จานขนาดใหญ่เกินไป

- เลี่ยงอาหารไซซ์จัมโบ้ ไม่ว่ากรณีใด นอกจากผักแล้ว กินอาหารทุกอย่างในสัดส่วนสำหรับหนึ่งที่เท่านั้น เช่น เค้ก 1 ชิ้นเล็ก แกงจืด 1 ถ้วยเล็ก

ร้านอาหาร

- เลี่ยงอาหารไซซ์ใหญ่ ไม่ควรสั่งอาหารจานใหญ่ที่กินได้ถึง 2-3 คน และแม้จะกินจานปกติ ไม่จำเป็นต้องกวาดจนเกลี้ยงทุกครั้ง

- สั่งแต่ไซซ์เล็ก เมื่อไปกินร้านฟาสต์ฟู้ดสั่งอาหารขนาดเล็กเท่านั้น เพื่อควบคุมแคลอรี

- แยกถ้วยซอส สั่งน้ำสลัดและซอสแยกมาในถ้วยเล็กๆ ช่วยคุมปริมาณการกินน้ำสลัดหรือซอสได้ดี

- ห่อกลับบ้าน ก่อนตักกินลองกะปริมาณที่พอดีสำหรับมื้อนั้น แล้วขอห่อส่วนเกินกลับบ้าน คุณจะได้กินในปริมาณที่พอเหมาะ แถมมีอาหารสำหรับมื้อถัดไปด้วย

- เคี้ยวช้าๆ และวางช้อนขณะเคี้ยว เมื่อทราบแล้วว่ากินปริมาณแค่ไหนจึงจะพอดีก็ควรสุนทรีย์กับรสชาติอาหารอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

ทำได้ รับรองหุ่นเฟิร์มแน่

ความโกรธเพิ่มระดับโคเลสเตอรอลไม่รู้ตัว


ความโกรธเพิ่มระดับโคเลสเตอรอลไม่รู้ตัว

คุณเป็นคนโกรธง่ายหรือไม่... โกรธแล้วแสดงออก หรือเก็บมันไว้... เก็บไว้นานแค่ไหนกว่าจะหายโกรธ... หรือโกรธแล้วก้าวร้าวขนาดไหน.... คุณคงไม่ทันคิดว่าอารมณ์โกรธแบบนี้ล้วนทำร้ายหัวใจตัวคุณเองทั้งนั้น!!?

อย่างไรนะหรือ??


นักวิจัยของมหาวิทยาลัยโอไฮโอ พบว่า คนที่มีนิสัยโกรธง่าย โกรธแล้วแสดงออกทันที และคนที่โกรธอย่างเก็บกด ถึงไม่แสดงออกมาแต่ทำใจให้หายโกรธได้ยาก มักเป็นคนที่มีระดับโคเลสเตอรอลตัวร้าย อย่าง LDL สาเหตุก่อให้เกิดโรคหัวใจ ในระดับสูงอย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งคนนั้นก้าวร้าวมาก ยิ่งพบโคเลสเตอรอลตัวร้ายสูงมาก

แต่สำหรับคนที่โกรธ...เหมือนกัน แต่ยืดหยุ่นกว่า ควบคุมอารมณ์ได้ดี พยายามซ่อนความรู้สึกไว้ไม่โวยวาย และกำจัดความโกรธออกไปจากใจได้เร็ว ผลพบระดับของ LDL โคเลสเตอรอล และโคเลสเตอรอลตัวอื่นๆ ระดับต่ำกว่าอีกกลุ่มมาก

ทำไมเป็นอย่างนั้น ทีมนักวิจัยอธิบายว่าความโกรธ ทำให้ร่างกายหลั่งสารไขมันบางตัวสำหรับเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ เป็นภาวะที่เรียกว่า “fight or flight” คือจะสู้หรือจะเผ่น อันเป็นสัญชาติญาณการเอาตัวรอดที่ธรรมชาติสร้างมาให้เราพร้อมรับมือเวลาต้องประสบกับภัยอันตรายใดๆ เจ้าไขมันเหล่านี้เองจึงนำมาซึ่งระดับโคเลสเตอรอลที่สูงขึ้น สะสมในหลอดเลือด จนเป็นอันตรายกับหัวใจได้หากเป็นนานๆ

นักจิตวิทยาแนะนำว่า หากใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนโกรธง่าย ควรปรับปรุงนิสัยตัวเองโดยด่วน ด้วยการปรับให้คิดอะไรในทางยืดหยุ่นมากขึ้น หรือมองเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกโกรธนั้นๆ ในมุมใหม่ๆ เข้าใจความเป็นไปต่างๆ จากหลายมุมมอง แล้วคุณจะได้เลิกโกรธ ซึ่งจะดีต่อสุขภาพตัวเองในที่สุด

หรือในบางกรณีที่คุณอาจทำได้เมื่อต้องเผชิญการโต้เถียง ถึงจะเถียงสู้ไม่ได้ (เช่น เถียงกับเจ้านายที่ไม่ยอมฟังความคิดเห็นของเราสักที) ก็ให้คิดเข้าข้างตัวเองว่าคุณถูกอยู่แล้วในใจไว้เงียบๆ จะช่วยให้คุณโกรธฝ่ายตรงข้ามน้อยลง ควบคุมความรู้สึกไว้ได้ และไม่แสดงความก้าวร้าวออกมา

หรือหากเกิดเหตุการณ์รู้สึกถูกเหยียดหยาม ขับไล่ (เช่น อาจถูกเจ้านายที่กำลังหงุดหงิดไล่ออกจากห้องทำงาน) ทำให้คุณโกรธมากแต่ทำอะไรไม่ได้ ทางที่ดีที่สุดต่อตัวเอง(และทุกฝ่าย) คือ หาทางระบายอารมณ์เสียนั้นด้วยวิธีสร้างสรรค์ เช่น เดินหนีจากตรงนั้นไปเดินเล่นสักพัก กำก้อนหินไปปาลงแม่น้ำ ไปตะโกนกับท้องฟ้า เข้าห้องไปต่อยหมอนแบบที่น้องไดซ์ทำ กิจกรรมเหล่านี้เป็นวิธีดับอารมณ์เสียให้หายไวๆ ช่วยให้คุณเยียวยาสุขภาพจิต และรักษาหัวใจให้ปลอดจากโคเลสเตอรอลได้ด้วย

ที่มาข้อมูล :
นิตยสาร Health Today

ขาใหญ่ ใส่ขาสั้นก็ได้

ขาใหญ่ ใส่ขาสั้นก็ได้

ขึ้นชื่อว่าหน้าร้อนทั้งทีจะให้ไม่มีกางเกงขาสั้นเป็น Item เด่นของซีซั่นก็ดูจะกระไรอยู่ ก่อนหน้านี้ได้แนะนำเทรนด์กางเกงขาสั้นที่มาแรงที่สุดของซีซั่นไปแล้ว มีใคร Update กันบ้างแล้วเอ่ย


หลังจากที่สาว ๆ ส่วนใหญ่ได้เฮถอย กางเกงขาสั้น ตามเทรนด์มาสวมใส่ให้ได้ฮิปตามกระแสกันไปแล้วแต่เราก็เชื่อว่าน่าจะมีสาว ๆ บางส่วนยังกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่ค่อยแน่ใจหรือไม่ค่อยมั่นใจที่จะสวมใส่เท่าไหร่ เพราะติดปัญหาที่ว่า "ขาใหญ่" ใส่แล้วจะดีหรอ นั่นเอง ไม่เป็นไรจ้า

วันนี้เรามีทริคเล็ก ๆ เพื่อสาว ๆ ที่ขาไม่เรียวอย่างนางแบบมาฝากกัน

ซึ่งกางเกงที่ดูจะเหมาะกับสาว ๆ ที่มีต้นขาใหญ่มากที่สุดเห็นจะเป็น กางเกงที่มีรอยพับช่วงปลายขา นั่นเอง และหากยิ่งเป็นกางเกงขาสั้นเอวสูงด้วยก็ยิ่งแจ่ม หากสาวคนไหนใหญ่ขั้นวิกฤติ เราขอจัดชุดนี้ให้เลย "กางเกงเอวสูงพับปลายขา + เสื้อลายขวาง หรือเสื้อแพทเทิร์นเจ๋ง ๆ ดีเทลสวย ๆ" รับรองว่าเอาอยู่แน่นอน เพราะชุดนี้จะช่วยดึงสายตาได้ดีมากทีเดียว


สำหรับ accessory ชิ้นเก๋ยังคงหนีไม่พ้นกระเป๋าใบโตที่ให้อารมณ์ฤดูร้อน (กระเป๋าหนังไม่เอานะจ๊ะ ดูหนักไปหน่อย) ยิ่งได้รองเท้าสานคู่เก๋ ออกแนวกลาดิเอเตอร์ หรือแนวเลดี้ ๆ ก็ได้อยู่ แล้วที่สำคัญอย่าลืมพกความมั่นใจไปด้วยนะจ๊ะ รับรองงานนี้เจ๊ (ขา) ใหญ่ก็สวยเริ่ดได้ไม่แพ้สาวหุ่นนางแบบแน่นอนจ้า

ข้อควรระวัง เกี่ยวกับคลินิค ผิวหนัง รักษาสิว

ข้อควรระวัง เกี่ยวกับคลินิค ผิวหนัง รักษาสิว

แพทย์ผิวหนัง ที่เป็นแพทย์ที่จบจากการรักษาโรคผิวหนังโดยตรง มีไม่มากนักในประเทศไทย แต่เราจะพบว่า แพทย์ทั่วไป หรือแพทย์สาขาอื่นๆ มักผันตนเองมาทำเกี่ยวกับเรื่องสิว ฝ้า ความสวยความงาม เราจะพบคลินิคเหล่านี้มากมาย หลายร้อยหลายพันแห่ง เรามีวิธีใดในการเลือกคลินิคเหล่านี้


จากประสบการณ์ตรงพบว่า

แพทย์ที่จบจากทางผิวหนังโดยตรง มักชอบการรักษาโรค มากกว่า รักษา การไม่มีโรค นั่นคือ มักไม่เชียร์ให้ทำโน่น ทำนี่ เข้าคอร์สมากมายนัก

อาจมีข้อยกเว้นบ้าง มักรักษาตามที่จำเป็น หายก็ไม่นัด ไม่หายก็นัด

คลินิคที่มีสาขาทั่วไปหลายๆที่ การคัดเลือกแพทย์ คงต้องเอาแพทย์ที่ไม่ใช่เจ้าของเป็นคนทำเวชปฏิบัติ แน่นอน ย่อมไม่ใช่เจ้าของคลินิคเป็นคนทำ ต้องระวังในคุณภาพของแพทย์ ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นแพทย์ที่ไม่ได้จบทางผิวหนัง (แพทย์จบทางผิวหนังปีหนึ่งไม่กี่คน ไม่ถึง 20 คน) ที่สำคัญคือ การไม่ได้อบรมตามความเหมาะสม แต่สอนกันเองระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้องตามสาขาต่างๆ หลายๆแห่ง มีแต่พยาบาลคอยรับหน้า ควรพิจารณาดูแพทย์ ใบประกอบโรคศิลป์ และชื่อที่ติดหน้าร้านของแพทย์ ว่าตรงกันหรือไม่

บางแห่ง ที่เป็นการพาณิชย์มากๆ สังเกตุดูจะเชียร์ให้ทำนั่น ทำนี่ เป็นคอร์ส

บางแห่งไม่ได้เน้นหาย เน้นหาหมอเลเซอร์ หลายๆอย่าง ถ้าไม่เชี่ยวชาญโอกาสเกิดปัญหาสูง เช่น ไอพีแอล IPL บางแห่งแก้ปัญหาโดยการยิงเบาๆ ซึ่งก็ไม่ได้ผลอีก

จริงๆไม่ได้เป็นการแฉกันเอง แต่ต้องการให้มาตรฐานของคลินิครักษา สิ่งที่เจ้าของหวงแหน ซึ่งบางที ก็ไม่ได้เป็นโรค แต่มีคนเชียร์ให้ทำ ตัดสินใจเอาเองนะครับ ระหว่างคนทำ คนถูกทำ

กินยาคุม นมโต


กินยาคุม นมโต

การคุมกำเนิดเป็นหนึ่งในวิธีการวางแผนครอบครัวสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมหรือต้องการควบคุมจำนวนบุตร

วิธีคุมกำเนิด สามารถทำได้หลายอย่าง อาทิ

- การวางแผนครอบครัวโดยนับวันไข่ตก และมีเพศสัมพันธ์ในระยะปลอดภัย
- การทำหมัน การใส่ถุงยางอนามัย ซึ่งสามารถคุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
- การฉีดยาคุมกำเนิด ใส่ห่วงอนามัย
- การรับประทานยาคุมกำเนิด สำหรับเพศหญิง
แต่วิธีการหลังสุดนี้ในช่วงหลังพบว่ามีการนำมาใช้ในเพศชาย ที่ต้องการทำให้ตนเองมีสรีระคล้ายเพศหญิงด้วย
- ยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นยาที่มีส่วนผสมของเอสโทรเจนและโปรเจสเตอโรน หรือฮอร์โมนเพศหญิงจะมีฤทธิ์เพื่อยับยั้งภาวะการเจริญพันธุ์ในเพศหญิง เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์โดยจะออกฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนในร่างกายดังนั้น เมื่อเรารับประทานเข้าไปฮอร์โมนจึงไปทำหน้าที่หลอกระบบภายในร่างกาย ซึ่งปกติมีการควบคุมกันเองโดยธรรมชาติทำให้ไม่มีไข่ตก ป้องกันการเจริญและการสุกของไข่มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว เชื้ออสุจิจึงไม่สามารถผ่านเข้าสู่โพรงมดลูกได้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อตัวไม่เหมาะต่อการเจริญของตัวอ่อน

โดยยาเม็ดคุมกำเนิดจะคุมสภาวะฮอร์โมนเพศชายในร่างกายที่มากเกินไปจึงทำให้เกิดความเข้าใจว่า จะสามารถลดสิว หน้ามัน ขนตามตัว หรือทำให้หน้าอกโตขึ้นได้ถึงขนาดที่มีความเชื่อว่า หากกินยาคุมกำเนิดย้อนศรแล้วจะทำให้ขยายขนาดหน้าอกแต่ความจริงแล้วยาทุกเม็ดมีฮอร์โมนเท่ากัน ไม่มีความแตกต่างในการรับประทานเม็ดไหนก่อนหลังหากเป็นแบบที่แต่ละเม็ดฮอร์โมนไม่เท่ากัน ยิ่งจำเป็นต้องกินยาตามลูกศรเพื่อให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายสมดุล

ส่วนเรื่องหน้าอก ยังไม่มีผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ยืนยันแต่ในบางรายอาจมีอาการบวมน้ำ ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าหน้าอกใหญ่ขึ้น

น.พ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ความรู้ว่า ยาคุมกำเนิดจัดเป็นยาอันตรายเภสัชกรต้องเป็นผู้สั่งจ่ายในร้านขายยาเท่านั้น หากนำไปใช้ในทางที่ผิดและรับประทานในปริมาณมากเกินไป อาจเสี่ยงต่ออันตรายจากการได้รับปริมาณฮอร์โมนมากผิดธรรมชาติ ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการมีบุตรยาก เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอุดตันไปถึงโรคความดันโลหิตสูงจะมีโทษหากพบการจำหน่ายยาคุมกำเนิดโดยไม่มีเภสัชกรควบคุม ร้านขายยาจะมีความผิด มีโทษปรับตั้งแต่ 1,000-5,000 บาท และหากพบเภสัชกรจำหน่ายยาคุมกำเนิดแก่ผู้ซื้อเพื่อให้ไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น ซึ่งไม่ใช่สรรพคุณที่อนุญาตตามที่ขึ้นทะเบียนไว้เช่น เพื่อบำรุงผิวพรรณ จะถือว่าเภสัชกรผู้นั้นกระทำผิดจรรยาบรรณที่พึงมีพึงทำอย.จะส่งเรื่องให้สภาเภสัชกรรม ซึ่งเป็นสภาวิชาชีพของเภสัชกรดำเนินการกับเภสัชกรผู้นั้นต่อไป

การเลือกซื้อเสื้อใน


การเลือกซื้อเสื้อใน

ใครที่กำลังจะซื้อเสื้อชั้นในใหม่ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเคล็ดลับในการเลือกซื้อมาฝาก...

- ลองเสื้อชั้นในก่อนซื้อทุกครั้ง เลือกตัวที่กระชับพอดี และอย่าซื้อเสื้อชั้นในเพียงบอกไซส์ เพราะแต่ละแบบ แต่ละทรง จะออกแบบมาไม่เท่ากัน หรือไม่เหมาะกับทุกคน

- การเลือกซื้อเสื้อชั้นในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน อาจจะได้ขนาดที่ใหญ่กว่าปกติ

- เสื้อชั้นในที่พอดี ระดับตะขอ (หลัง) ควรอยู่ใต้กระดูกสะบักหลัง ถ้าสูงหรือต่ำลงมาควรเลือกขนาดใหม่

- หากสวมเสื้อชั้นในแล้วไม่สามารถสอดนิ้วเข้าไปในร่องอกได้ แสดงว่าเสื้อตัวนั้นคับเกินไป

- หากมีรอบอกระหว่าง 34-48 นิ้ว ควรเลือกซื้อชนิดที่มีฐานใต้โครงอก และเสื้อชั้นในแบบตะขอหน้า จะทำให้หน้าอกได้รูปสวย

- สุดท้ายเลือกเสื้อชั้นในที่มีเนื้อนุ่ม ยืดหยุ่นสบาย


ครั้งหน้าถ้าจะซื้อเสื้อชั้นใหม่ อย่าลืมนำวิธีที่แนะนำไปเลือกซื้อเสื้อชั้นในให้ถูกใจกันได้.

กำจัดขนด้วยเลเซอร์ อันตรายหรือไม่


กำจัดขนด้วยเลเซอร์ อันตรายหรือไม่

กำจัดขนด้วยเลเซอร์ อันตรายหรือไม่
ผิวหนังของคนเราเกือบทุกส่วนจะปกคลุมด้วยเส้นขน ยกเว้นบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า เส้นขน มีประโยชน์หลายอย่างแตกต่างกันตามตำแหน่ง เช่น ขนบริเวณลำตัวและแขนขา ช่วยควบคุมระดับอุณหภูมิในร่างกาย ขนบริเวณหนังศีรษะมีไว้ปกป้องแสงแดดและเพื่อความสวยงาม ขนบริเวณรักแร้ ลดแรงเสียดสี เป็นต้น

แต่ในบางครั้งเส้นขนที่ดกดำมากเกินไป อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านความสวยงามหรือบุคลิกภาพของคุณได้เช่นกัน เช่น เส้นขนบริเวณหน้าแข้งหรือริมฝีปากของคุณสุภาพสตรี ภาวะความผิดปกติของฮอร์โมนหรือผลข้างเคียงของยาบางประเภทก็สามารถก่อให้เกิดขนขึ้นมากผิดปกติ หรือเกิดขนงอกในบริเวณที่ไม่ควรงอก เช่น โรค Polycystic ovarian syndrome การรับประทานยาประเภทสตีรอยด์ หรือยากดภูมิคุ้มกันบางประเภท เป็นต้น การกำจัดขนจึงอาจเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับบางท่าน

วิธีกำจัดขนมี 2 วิธี คือ

1. กำจัดขนแบบชั่วคราว ได้แก่ การโกน ถอน ใช้ด้ายกระตุกซึ่งวิธีการเหล่านี้ นอกจากต้องทำบ่อย ๆ เพราะความที่เป็นวิธีที่ไม่ถาวรแล้ว ยังมักก่อให้เกิดปัญหาของรูขุมขนอักเสบ และขนคุดตามมา

2. กำจัดขนแบบถาวร ในปัจจุบันมี 2 วิธี คือ

- วิธี electrolysis คือ การใช้เข็มสอดลงไปที่รากขนทีละเส้นแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าทำลายรากขน วิธีนี้ ค่อนข้างเจ็บและเสียเวลานานมาก เพราะต้องสอดเข็มลงไปที่รากขนทีละเส้น และมีโอกาสเสี่ยงกับการเกิดแผลเป็นค่อนข้างสูง เพราะว่าการสอดเข็มลงไปที่รากขนเป็นวิธีการสอดแบบสุ่ม โดยที่ผู้ทำการรักษาไม่ทราบว่ารากขนอยู่ที่ใด

- วิธีใช้แสงความเข้มสูงและเลเซอร์ เป็นวิธีการกำจัดขนโดยอาศัยพลังงานความร้อนจากแสงไปทำลายรากขน แสงสามารถทำลายรากขนโดยเฉพาะเจาะจง เพราะว่าบริเวณรากขนจะมีเซลล์สร้างสีที่เรียกว่าเมลาโนซัยท์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวนำแสงหรือตัวดูดพลังงานแสงให้มาอยู่เฉพาะบริเวณรากขน

แสงความเข้มสูงและเลเซอร์กำจัดขนได้อย่างไร?

เครื่องกำจัดขนสามารถส่งพลังงานแสงไปที่รากขน เซลล์สร้างสีบริเวณรากขนจะทำหน้าที่ดูดรับพลังงานแสง แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเพื่อทำลายรากขนความรู้สึกระหว่างกำจัดขนด้วยแสงคล้ายกับหนังยางดีดบนผิวหนัง เป็นความรู้สึกซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ทนความรู้สึกได้ บริเวณผิวหนังอ่อน ๆ เช่น ริมฝีปาก ขาหนีบจะรู้สึกมากกว่าบริเวณอื่น การทายาชาชนิดครีมก่อนการทำเลเซอร์จะช่วยลดความรู้สึกระหว่างการรักษาได้ นอกจากนี้เลเซอร์หลายชนิดมีระบบให้ความเย็นแก่ผิวหนัง ซึ่งสามารถลดอาการเจ็บระหว่างการรักษาได้

การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ใช้เวลานานเท่าใด ?

ระยะเวลาที่ใช้ขึ้นกับตำแหน่ง เช่น บริเวณรักแร้ใช้เวลาเพียง 2-3 นาที ส่วนบริเวณแผ่นหลังหรือหน้าแข้งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

การรักษาขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านใดบ้าง ?

ผลของการรักษาขึ้นอยู่กับสีของขนและสีผิว โดยทั่วไปเส้นขนสีดำเข้มจะได้ผลดีกว่าเส้นขนสีอ่อน คนผิวขาวมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าคนผิวคล้ำ

การกำจัดขนด้วยแสงต้องทำกี่ครั้ง ?

การกำจัดขนด้วยแสงจะทำลายเส้นขนประมาณ 15%-30% ภายหลังการรักษา 1 ครั้ง โดยทั่วไปต้องรักษาประมาณ 5-8 ครั้ง การรักษามักทำทุก 4-6 สัปดาห์

ผิวหนังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรภายหลังการทำ?

ผิวหนังบริเวณรอบรูขุมขนจะแดงและบวมเล็กน้อยภายในระยะเวลา 30 นาทีภายหลังการรักษา ซึ่งอาการนี้จะหายไปเองภายในเวลา 1 วัน การประคบด้วยความเย็นจะช่วยลดอาการแสบร้อนได้ ผิวหนังภายหลังการรักษาจะไม่เกิดแผล ไม่มีเลือดออก และไม่จำเป็นต้องปิดแผล

ควรดูแลรักษาอย่างไรภายหลังการกำจัดขน ?

ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติกิจวัตรประวันได้ปกติ ควรยกเว้นการใช้สบู่หรือครีมที่ระคายเคืองที่ผิวหนัง เช่น Retin-A, AHA ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำได้ปกติ ควรหลีกเลี่ยงการออกแดด และควรใช้ครีมทากันแดดในบริเวณที่ได้รับการรักษา

เส้นขนภายหลังการรักษาเป็นอย่างไร ?

เส้นขนจะค่อยๆ ถูกดันให้หลุดออกจากผิวหนังภายใน 2 สัปดาห์ หลังการรักษา

ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนทำเลเซอร์ ?

ภายใน 1 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่ไม่จำเป็น ไม่ควรถอนหรือแว็กซ์ขน หากจำเป็นอาจใช้วิธีโกน แต่ควรหยุดโกนขนภายในระยะเวลา 2-3 วัน ก่อนการทำการรักษา

ผลไม้ทำให้ผิวขาว


ผลไม้ทำให้ผิวขาว

มะเขือเทศ ช่วยชะลอวัยให้อ่อนเยาว์ และป้องกันความเสื่อมของเซลล์

มะนาว มีวิตามินซีสูงช่วยให้ผิวเนียนใส

ส้ม เสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิว

ฝรั่ง เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ด้วยวิตามินซีปริมาณสูง

แตงโม บำรุงผิวพรรณ ช่วยล้างไต และขับปัสสาวะ

กล้วยหอม เหมาะกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว และอยู่ท้องนาน

มะละกอ เป็นยาระบายอ่อนๆ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก

แอปเปิ้ล อุดมด้วยเพคติน จึงช่วยให้เล็บแข็งแรง

การดูแลเส้นผมด้วยหวี


การดูแลเส้นผมด้วยหวี

การหวีผม กับความเชื่อที่ว่าถ้าได้แปรงผมวันละหลายๆ ครั้งจะทำผมสวยเงางาม ความจริงก็คือ การแปรงผมจะทำให้น้ำมันธรรมชาติ ที่เคลือบอยู่บนเส้นผมได้กระจายไปทั่ว ผมจึงดูเงางาม แต่ผมของคนเรามีหลายแบบมีทั้ง หยิก เหยียดตรง เส้นเล็ก ซอยสั้น หยิกยาว ผมหนา ต่างกันไปตามพันธุกรรมหรือการจัดแต่งตามแฟชั่น แล้วแต่เราจะเลือกแปรงหรือหวีให้เหมาะกับผม

แต่การเลือกหวีควรเป็นสมบัติส่วนตัวไม่ควรใช้หวีร่วมกับผู้อื่นเพื่อป้องกันปัญหาการติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อรา หลีกเลี่ยงหวีที่มีปลายแหลมคม เพราะจะทำให้ผิวหนังที่ศีรษะเป็นแผลได้

ควรล้างทำความสะอาดหวีหรือแปรงอย่างสม่ำเสมอ แล้วตากแดดให้แห้งสนิทจึงนำมาใช้ใหม่ และไม่ควรหวีผมขณะผมเปียกจะทำให้เส้นผมขาดง่าย เพราะสภาพผมที่เปียกน้ำจะพันกันยุ่งเหยิง เว้นแต่การใช้ครีมนวดผม อาจใช้หวีซีกห่างๆ แปรงให้เส้นผมได้ครีมนวดอย่างทั่วถึง


รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมหันมาทำความสะอาดหวีที่ใช้ จะได้มีผมสวยและห่างไกลจากเชื้อโรค

5 อันดับอวัยวะผู้หญิงที่ผู้ชายชอบมอง


5 อันดับอวัยวะผู้หญิงที่ผู้ชายชอบมอง

อันดับที่ 5 ยกให้ เส้นผม

เส้นผม ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ผู้ชาย ชอบมองมาก โดยเฉพาะสาวผมสวย บอกได้เลยว่า คุณอยู่ในสายตา ของเหล่าหนุ่มๆ แล้ว เพราะผู้ชายกว่าร้อยละ 90 เลยนะที่ชอบมองสาวผมยาว เพราะดูแล้วเป็นผู้หญิง น่าทะนุถนอม ส่วนสาวผมสั้น ผู้ชายบางคนก็ชอบเหมือนกัน เพราะดูแล้วน่ารัก คล่องแคล่าวตัวดี สิ่งที่สำคัญคือ ผมยาวผมสั้นไม่สำคัญเท่าความสวยของผมโดยเฉพาะแบบที่มองแล้วสะดุดตา สวยพลิ้วเป็นธรรมชาติ สัมผัสแล้วนุ่ม มีกลิ่นหอมโชยมา รับรองไม่ว่าหนุ่มหน้าไหนก็ไม่พ้นคุณแน่

อันดับที่ 4 ยกให้ เรียวขา

อันนี้ไม่ว่าหนุ่มๆ หรือสาวๆ ก็ชอบมอง แต่มองกันคนละแบบ คุณหนุ่มๆ เค้า มักจะมองในแบบชื่นชม แต่สาวๆอาจมองในแบบ อิจฉา สาวๆ คนใด ที่มั่นใจ ในเรียวขาของตนว่า เรียวยาว สวย ขาว ก็ขอให้โชว์กันได้เต็มที่เลยจ้า แต่ต้องโชว์แต่พองามนะจ๊ะ เพราะหากหวือหวาไป เดี๋ยวหนุ่มๆ จะพากันหัวใจวายซะก่อน

อันดับที่ 3 ยกให้ รูปร่าง

เชื่อได้เลยว่าร้อยทั้งร้อย ไม่ว่าหนุ่มไหนต้องชอบสาวหุ่นดี หุ่น Perfect สำหรับแบบ Perfect ที่ผู้ชายชอบคือ รูปร่างที่แลดูสมส่วน ไม่อ้วนไม่ผอมไปเท่านั้นแหละ (ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองอยู่ในเกณฑ์ที่ว่าไหม ก็ลองเอาส่วนสูงลบด้วย 110 ดูได้เท่าไหร่ นั่นแหละตัวเลขน้ำหนักที่เหมาะสมของตัวคุณ) สำหรับเหตุผลที่หนุ่มๆ ชอบมองรูปร่างของสาวๆ ก็เพราะรูปร่างของผู้หญิงจะมีเชพส่วนเว้าส่วนโค้ง มองแล้วดูมีชีวิตชีวากว่าของผู้ชายเยอะ

อันดับที่ 2 ยกให้ หน้าตา

ค่อนข้างสูสีกับอันดับที่ 1 เฉียดกันแค่ปลายลิ้น อย่างว่าหน้าตาเป็นสิ่งแรกที่หนุ่มๆ จะได้เห็นคุณ หรือเป็นด่านแรกที่คนที่พบคุณ จะเห็นแล้วเกิดความประทับใจ ในตัวคุณ จะตาโต แก้มป่อง หน้าตอบ จมูกบาน ปากเรียวบางหรือห้อยย้อยเป็นกระจับ จะตกกระหรือหน้าใสปิ๊ง ก็ขึ้นกับว่าดูรวมๆ ออกมาแล้วดูดีขนาดไหน ส่วนหนุ่มๆจะถูกใจคุณแค่ไหน ก็ต้องแล้วแต่ สเปคของแต่ละคนจ้า


อันดับที่ 1 มาแรงแซงโค้ง ก็ต้องยกให้ หน้าอก

ครองอันดับที่ 1 อย่างไม่มีปัญหา และไม่ต้องสงสัย เพราะหนุ่มๆเทคะแนนให้ อย่างท่วมท้นด้วยเหตุผลที่ว่า หน้าอกเป็นเครื่องบ่งบอก ความเป็นผู้หญิงมากที่สุดมากกว่าอวัยวะอื่น แต่สาวๆ ไม่ต้องตกใจคอยระแวงว่า เดินไปไหนจะถูกหนุ่ม ๆ จับจ้องที่หน้าอกหน้าใจตลอดเวลา

เพราะแค่เหลือบมองเขาก็ประทับใจแล้ว หรือ สาวๆบางคนก็ไม่ต้องกังวล จนเวลาเดินไปไหน ต้องเดินห่อไหล่ หรือใส่เสื้อใหญ่ๆ เพื่ออำพรางปกปิดรูปร่าง เพราะมันจะทำให้เสียบุคลิก มั่นใจในตัวเองหน่ะดีที่สุด พ่อแม่ให้มาเท่าไรก็ภูมิใจเท่านั้นจะดีกว่านะจ๊ะสาวๆ

8 ขั้นตอนการทำความสะอาดใบหน้า


8 ขั้นตอนการทำความสะอาดใบหน้า

สิ่งสำคัญที่สุดของใบหน้าคุณ คือการมีใบหน้าที่สดใส ปราศจากความมันบนใบหน้า เต่งตึง อิ่มเอิบไม่หยาบหรือแห้งกร้าน เคล็ดลับในการทำความสะอาดผิวหน้า ลองเสียเวลาสัก 15 นาทีในตอนเช้าและเย็น

tips1
ใช้นมสด ที่ไม่ได้ผ่านความร้อน แตะบนสำลี หมุนวนบนใบหน้า คอ แก้ม 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น


tips2
แตงกวาฝาน นำมาเช็ดวนเป็นวงกลมเบาๆบนใบหน้า 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น


tips3
ฝานมะเขือเทศครึ่งลูก นำมาวนๆบนใบหน้า คอ 15 นาที และล้างออกด้วยน้ำเย็น


tips4
มะนาวฝาน นำมาคลึงๆ ค่อนข้างแรง บนหน้า หรือคอ แต่แนะนำให้ทำ 3-4 วันครั้ง ภายหลังจากที่ล้างหน้าด้วยนม หรือผลเหล่านี้แล้ว ให้ใช้ oat bran หรือ besan ผสมน้ำเปียกๆ แล้วล้างพร้อมถูเบาๆ เพื่อขจัดเซลที่ตายออก ห้ามใช้สบู่ ใช้แต่น้ำเย็นที่สะอาด


tips5
ใช้แป้งข้าวเจ้า ทำความสะอาด ถ้าหน้ามัน ใช้มะนาวช่วย


tips6
ใช้ buttermilk นวดคลึงบริเวณใบหน้า แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น


tips7
ใช้ก้อนน้ำแข็งธรรมดา คลึงและล้างใบหน้า


tips8
วางแอปเปิลฝานบางๆ บนใบหน้าคุณ ทิ้งไว้ 15 นาที เพื่อทำให้หน้าเต่ตึงกระชับ แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นธรรมดา

กางเกงใน เรื่องใกล้ตัว


กางเกงใน เรื่องใกล้ตัว

มองข้ามเห็นจะไม่ได้ กกน.เรื่องใกล้ตัว !?! (เดลินิวส์)

กางเกงใน หรือที่เรียกกันเล่นๆ รู้จักกันในชื่อ กางเกงลิง ปัจจุบันมีหลากรูปแบบหลายลวดลายถูกใจผู้สวมใส่ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง โดยเฉพาะผู้หญิงนั้น แฟชั่นชุดชั้นในมีทั้งลวดลาย น่ารัก สีหวานสดใส เซ็กซี่แบบสาย จีสตริง กางเกงชั้นในผ้าลูกไม้ ฯลฯ ซึ่งหากทวนถึงที่มาของกางเกงชั้นใน ว่ากันว่าน่าจะมาจากคำว่า ลิงเจอรี (lingerie) ที่หมายถึง ชุดชั้นในสตรี

ในวันวานการแต่งกายของผู้หญิงจะนุ่งผ้าถุง โจงกระเบนซึ่งค่อนข้างมิดชิดรัดกุม ไพฑูรย์ ปานประชา นักวิชาการวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ให้ความรู้เล่าถึงการแต่งกาย การรับวัฒน ธรรมการแต่งกายจากต่างชาติมีมานาน อย่างเช่น กระโปรงบาน เสื้อแขนพองแขนตุ๊กตาหรือแม้แต่กางเกงที่สวมใส่กันทั่วไปทั้งผู้ชายและผู้หญิงในเวลานี้

กางเกงชั้นในหรือที่เรียกกันในภาษาพูดว่า กางเกงลิง เป็นเครื่องแต่งกายที่คนไทยรับมาจากต่างประเทศและจาก คำว่า ลิงเจอรี ซึ่งมีความหมายถึงชุด ชั้นในสตรี พอนำมาใช้ก็เรียกกันสั้นๆ ใช้คำหน้าและด้วยลักษณะการสวมเหมือนกับกางเกงจึงเรียกกันเป็นภาษาพูดว่า กางเกงลิง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดไขว้เขว เข้าใจกันไปว่าเป็นกางเกงที่ลิงนุ่ง แต่แท้จริงเป็นกางเกงที่สวมอยู่ด้านใน

"ชุดชั้นในของฝรั่งอาจเป็นแบบที่มีทั้งส่วนบนและส่วนล่างต่อเนื่องกันมีสิ่งประดับสวยงาม แต่ด้วยที่บ้านเราเป็นเมืองร้อนจึงมีการตัดบางส่วนออกไปนำมาใช้เพียงส่วนที่เป็นกางเกงอย่างเดียว กางเกงลิงเรียกทับศัพท์ เช่นเดียวกับเสื้อเชิ้ตซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ เวลาที่นำมาใช้ตัดเหลือเพียงคำสั้นๆ คำเดียว กางเกงชั้นในที่นำมาใช้มีความเหมาะสมทำให้เกิดการรัดกุมเกิดการยอมรับใช้กันมายาวนานเป็นวิถีชีวิต ซึ่งสิ่งเปรียบเทียบลักษณะเดียวกันนี้มีให้เห็นหลายเรื่อง อย่างการสวมใส่รองเท้า ซึ่งแต่เดิมก็ไม่มี แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปก็มีการสวมใส่รองเท้ากันอย่างแพร่หลายเป็นสิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ในวิถีชีวิตคนไทย เป็นต้น"

วิถีชีวิตสิ่งที่สร้างขึ้นโดยนำมาปรับประยุกต์อย่างเหมาะสม จนกลายมาเป็นสิ่งที่ใช้กันเป็นปกติในชีวิต อีกตัวอย่างหนึ่งที่อยากยกมาให้เห็นซึ่งเป็นสิ่ง ที่นำมาจากต่างประเทศเช่นกันคือ เรื่องของการใช้ช้อนส้อมอีกตัวอย่างของการปรับประยุกต์วัฒนธรรมตะวันตกมาใช้ในวัฒนธรรมไทยอย่างเหมาะสมต่อเนื่องมา

กางเกงชั้นในก็เช่นกันเป็นเรื่องของการปรับประยุกต์ใช้ที่ผสมกลมกลืนในวิถีชีวิตของผู้คนอย่างเหมาะสม แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหววิวัฒนาการของเสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่มที่เปลี่ยนไป และจากการยอมรับสิ่งดีงามนำมาปรับประยุกต์ใช้เหมาะกับวิถีชีวิต สังคม สิ่งแวดล้อมซึ่งหากสิ่งนั้นไม่เหมาะสมก็จะห่างหายไป

แต่หากเกิดการยอมรับก็จะมีการนำมาปฏิบัติใช้กัน และอะไรที่ยังคงทำหน้าที่รับใช้สังคมได้ก็จะยังคงอยู่ การจะรับสิ่งใดเข้ามาจึงควรพิจารณาให้รอบ คอบ รู้จักและเข้าใจวัฒนธรรมตนเอง

ย้อนกลับมาในเรื่องของสุขอนามัยในด้านสุขภาพ ศ.นพ.อภิชาติ จิตต์เจริญ ภาควิชาสูติศาสตร์-นารีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลให้ความรู้ว่า การสวมใส่ชุดชั้นในของสตรีหากคับแน่น รัดเกินไป หนาเกินไป แน่นอนว่าย่อมมีผลต่อสุขภาพ เกิดความอับชื้นได้ง่ายทำให้เกิดเชื้อรา นอกจากนี้ชุดชั้นในบางชนิดอาจมีสารสังเคราะห์ เช่น ไนลอนจะทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองทำให้เกิดผื่นคัน หรือทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย ฯลฯ ควรเลือกใช้ชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย เพราะจะเกิดเชื้อราได้น้อยกว่า

"การเลือกใช้ชุดชั้นในจึงควรเลือกให้เหมาะสม ในรูปแบบที่อาจทำให้เกิดการเสียดสี บาดแผลควรหลีกเลี่ยง อย่างผู้หญิงที่มีหน้าท้องหากเลือกสวมใส่ชั้นในแบบสเตย์กระชับหน้าท้องก็ไม่ควรรัดแน่นเกินไป ซึ่งหากคับแน่นมากอาจทำให้เกิดความอับชื้นเป็นเชื้อราได้ง่าย ยิ่งช่วงเวลานี้ที่มีฝนตกบ่อย การตากแดดควรให้เต็มที่ไม่เช่นนั้นจะทำให้ชุดชั้นในอับชื้นมีโอกาสทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย

การสวมใส่กางเกงชั้นในจะช่วยในเรื่องการหลั่งของสารคัดหลั่ง ตกขาวหรือเลือดประจำเดือนไม่ให้เปรอะเปื้อนออกมาภายนอก ขณะเดียวกันถ้าไม่มีการสวมใส่หากนั่งในที่ที่ไม่สะอาดก็อาจได้รับเชื้อโรคได้เช่นกัน"

ส่วนอาการแพ้กางเกงชั้นในขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล บางคนอาจแพ้สารสังเคราะห์ก็ไม่ควรใช้กางเกงชั้นในชนิดนั้น ควรเลือกใช้เนื้อผ้าที่เหมาะสม ทางด้านสุภาพบุรุษก็เช่นเดียวกันควรเลือกสวมใส่ชั้นในที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ

การสวมใส่กางเกงชั้นในที่หนา คับแน่นรัดเกินไปทำให้มีความอับชื้นมีเชื้อราได้เช่นเดียวกับผู้หญิง สำหรับผู้ชายการเกิดเชื้อราจะเกิดได้บริเวณถุงอัณฑะ อีกทั้งการไม่สวมใส่กางเกงชั้นในของเพศ ชายจะมีความเสี่ยงมีโอกาสเป็นไส้เลื่อนได้ โดยไส้เลื่อนอาจจะออกมาที่ถุงอัณฑะและบริเวณขาหนีบได้

นอกจากนี้ในเด็กเล็กก็ควรมี การฝึกหัดให้สวมใส่กางเกงชั้นใน ซึ่งกางเกงชั้นในสามารถช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่อาจเข้าไปในอวัยวะเพศ ช่องคลอด ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคือง การอักเสบได้ อย่างในเวลาที่นั่งเล่นบนพื้นดินทราย อาจจะมีสิ่งสกปรกเข้าไปจึงแนะนำว่าควรใส่กางเกงชั้นในไว้จะได้ไม่สัมผัสกับแบคทีเรียภายนอก ส่วนในเด็กผู้ชายการสวมใส่กางเกงชั้นในก็เช่นเดียวกันจะช่วยป้องกันการกระทบกระเทือนและการสัมผัสแบคทีเรียจากภายนอก

กางเกงชั้นในนอกจากจะเป็นของใช้ใกล้ตัวช่วยปกปิด ป้องกันอันตรายจากการติดเชื้อ รวมทั้งการแพร่กระจายเชื้อโรค ขณะเดียวกันยังช่วยปกป้องการสัมผัสกับเชื้อโรคได้อีกด้วย รู้ถึงประโยชน์ ความเป็นอันตรายกันแล้วก็ไม่ควรที่จะมองข้าม เลือกใส่กันให้เหมาะสมจะได้ปลอดภัย ห่างไกลจากอันตราย

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

กลิ่นน้ำหอม ยอดนิยม


1. Dior Addict 2

น้ำหอมกลิ่นใหม่ที่บรรจงสร้างสรรค์ เพื่อสะท้อนนิยามธรรมชาติแห่งหญิง อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นคุณ โปรยเสน่ห์น้ำหอมแห่งความแรงร้ายใหม่จาก Dior Addict เผยปริศนาในธรรมชาติที่ยากหยั่งรู้ และเข้าใจในความเป็นหญิง ด้วยเสน่ห์หอมของกลิ่น Mandarin Leaf และ Silk Tree Flower ที่เป็นดั่งเสียงกระซิบแรกแห่งความสดชื่น และเผยหัวใจของ Dior addict ด้วยโทนกลิ่น Vanilla ของราชินีแห่งรัตติกาล หรือดอก Queen of the Night ดอกไม้หายากที่พบได้เพียงในประเทศจาไมก้า และเบ่งบานเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางความเร้าร้อน ยั่วยวนของกลิ่น Orange Blossom ที่อบอวลแผ่ผ่านความรู้สึกให้ตราตรึง ตราบนานในความทรงจำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
- Eau de Parfume 50 ml. ราคา: 2,700 บาท
- Eau de Parfume 100 ml. ราคา: 3,750 บาท


2. Tommy Hilfiger

สำหรับผู้ชายทันสมัย TRUE STAR MEN ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ จากนักร้องชื่อดัง Enrique Iglesias ( เอ็นริเก้ อิเกลเซียส ) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ชายร่วมสมัย เขาเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ เท่ห์ มีเสน่ห์ ดึงดูดทั้งผู้ชาย และผู้หญิงทั่วโลกด้วยท่าทีที่เป็นกันเอง และสบายๆEnrique เป็นแรงบันดาลใจให้มีการสร้างสรรค์น้ำหอมที่มีกลิ่นหอมสดชื่น และมีชีวิตชีวา นอกจากนี้กลิ่นหอมต่างๆ ที่ให้ความอบอุ่นยังช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกมีอารมณ์ผ่อนคลาย น้ำหอมนี้ทำให้ผู้ชายรู้สึกนำสมัยและสบายๆ สามารถใช้ได้ทุกโอกาส TRUE STAR MEN น้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ ของพันธุ์ไม้เครื่องเทศ (Soft-Spiced Wood) ที่ให้ความพึงพอใจชวนสัมผัส, สร้างความเย้ายวนและชวนสัมผัสตลอดเวลา ความทันสมัย และความอบอุ่นสร้างรสนิยมแบบใหม่ที่เรียบง่ายสบายๆ สัมผัสแรก Enticing Captivity Accord ด้วยกลิ่นหอมของ Citrus ผลไม้ตระกูลที่มีรสเปรี้ยว ที่มอบความสดชื่น เสริมด้วยกลิ่นของ anise (ยี่หร่า) ที่ให้ความรู้สึกเย็น ผสานด้วยกลิ่น licorice (ชะเอม) ที่ให้ความเย็นสร้างความตื่นเต้นและลุ่มลึก สัมผัสต่อมา Caressing Softness Accord กลิ่นหอมของ Orris (ดอกออริส) และ Cascarilla (คัสคาริลลา) ทำให้กลิ่นของพืชสีเขียวอันชุ่มฉ่ำกลายเป็นความสง่างาม ที่ซ่อนเร้นผสานกลิ่นหอมของ Rice (ข้าว) ให้สัมผัสที่นุ่มนวล สัมผัสท้ายสุด Seductive Addictive Accrod กลิ่นหอมที่ผสมผสานกันระหว่างหญ้าฝรั่นกับไม้เนื้ออ่อนเติมด้วยกลิ่นหอมของวนิลา ให้ความรู้สึกเย้ายวนชวนดมตลอดเวลา กลายเป็นกลิ่นหอมที่มีลักษณะเด่นไม่เหมือนใครสำหรับคุณผู้ชาย
- TRUE STAR EAU DE TOILTTE 50 ML ราคา 1,850 บาท
- TRUE STAR EAU DE TOILTTE 100 ML ราคา 2,550 บาท


3. Hypnose By Lancome

มนต์สะกดจากหญิงสาว
ถ้าจะมีกลิ่นน้ำหอมที่เหมือนจะสะกดผู้คนรอบข้างให้ตะลึงในความเป็นหญิง คงไม่มีหญิงสาวคนไหน ปฏิเสธได้ Hypnose จาก Lancome
น้ำหอมเปล่งประกายเจิดจรัสในขวดสีม่วงพร้อมรูปทรงโค้งเว้าหลากเหลี่ยม ให้กลิ่นชวนค้นหาของวานิลลาที่อบอุ่น เวติแวร์ที่ช่างเย้ายวน กรุ่นกลิ่นไม้หอมของตะวันออก อย่างดอกเสาวรส และหญ้าแฝก ให้ความตรึงใจด้วยความเป็นผู้หญิงของคุณ

- Hypnose Eau de Toilette 30 ml. ราคา 1800 บาท
- Hypnose Eau de Toilette 50 ml. ราคา 2500 บาท


4. POLO Black

ผู้ชายโปโลแบล็คเป็นหนุ่มชาวเมืองเต็มตัว และเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด โปโลแบล็ค เป็นน้ำหอมที่จะเผยความเซ็กซี่ ความหนุ่มแน่น เท่ และฮิพของพวกเขาออกมา” บรรจุภัณฑ์ขวดน้ำหอมโปโลแบล็คเรียบโก้ และเซ็กซี่ทำจากแก้วเนื้อดีสีดำทรงเหลี่ยมดูองอาจ เช่นเดียวกับความมาดมั่น และทรงอำนาจของหนุ่มๆ ผู้ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้ที่ทั้งเข้มแข็ง และทันสมัยได้รับแรงบันดาลใจจากแบบขวดน้ำหอมโปโล ปรับเพิ่มฝาเงิน และขยายตราสัญลักษณ์โปโลโพนีสีเงินให้ใหญ่ขึ้น กล่องน้ำหอมสะท้อนความเซ็กซี่เช่นกัน ด้วยสีดำวาวและประดับตราสัญลักษณ์โปโลโพนีสีเงินแบบใหม่ที่เด่นมีขนาดใหญ่ขึ้น ชัดเจนและร่วมสมัย
ชุดผลิตภัณฑ์
สเปรย์น้ำหอมผสานกลิ่นไอซ์แมงโก้ ซิลเวอร์อาร์มัวซ์ และพัทชูลี่ดำ ให้ความรู้สึกทันสมัย ท้าทาย ช่ำชอง
- POLOBLACK Eau de Toilette Spray ขนาด 2.5 ออนซ์/75 มล. 2,300 บาท
- POLOBLACK Eau de Toilette Spray ขนาด 4.2 ออนซ์ /125 มล. 3,300 บาท


5.Armani code donna

จากแรงบันดาลใจของฉากตรึงตในหนังฮอลลีวู๊ด เรื่องราวของการพบกันการปรายตามอง โค้งเว้าแห่งสรีระมาเป็น Armani code donna (75 ml ราคา3200 บาท) น้ำหอมเปี่ยมเสน่ห์ในขวดเพรียวลายดอกไม้ตะวันออกกลิ่นหอมลึกลับเผยกลิ่นแท้ของความเป็นผู้หญิงในมุมมองของดีไซเนอร์ ระดับโลก จิออร์จิโอ อาร์มานี่ เริ่มต้น น้ำหอมสีน้ำเงินซฟไฟร์ด้วยกลิ่นดอกส้ม กลิ่นหอมของเกสรดอกไม้ มะลิ แซมบัคจากอินเดีย สุดแสนจะเป็นผู้หญิง และสุดโก้หรู นี่คือความหอมหวานรวยริน ผสานกลิ่นวนิลาจากมาดากัสการ์ และกลิ่นน้ำผึ้ง จนไม่มีใครลืมลง


6. J’adore eau de perfume

จากสีเหลืองทองของ J’adore eau de perfume สู่สีขาวทองของ J’adore eau de toilette ใหม่ล่าสุดจากแนวกลิ่น Fruite Floral หรือผลไม้-ดอกไม้อันอุดมเข้มข้น สู่แนวกลิ่น Fresh Floral หรือดอกไม้หอมสดชื่นอันเพริศพราย
น้ำหอมใหม่ล่าสุดจากแนวกลิ่น Fruity Floral หรือผลไม้อันอุดมเข้มข้น สู่แนวกลิ่น Fresh Floral หรือดอกไม้หอมสดชื่น ยังคงทรงเสน่ห์สุดห้ามใจต้านตั้งแต่แรกพบ ด้วยช่อดอก Peony เต็มอ้อมแขนที่หอมละมุน สู่สัมผัสแห่งความเลอเลิศ ด้วยดอก Champaca ยามพร่างพรมลงสู่ผิว จับใจไปกับความสดชื่นโดยแท้ของ White Violet หอมหวานเป็นผู้หญิง กับแนวกลิ่นเจิดจรัสของ Star Magnolia ท้ายสุด ต้องยอมจำนนต่อสัมผัสอ่อนละมุนของ Amaranth Wood, Muscat และแย้มยิ้มเคลิ้มกับกลิ่นสดชื่นของ Damson ซาบซ่าน เบาหวิว แฝงนัยให้อิ่มเอม


7. DKNY Red Delicious

ใหม่สุดจากนิวยอร์ก ความหอมเร้าใจจากความตื่นเต้นแห่งรักในเมืองใหญ่ สำหรับหญิงสาว ความเย้ายวนจากกลิ่นแชมเปญ ผสมผสานกับกลิ่นลิ้นจี่ คละเคล้ากลิ่นราสพ์เบอร์รี่ และ แอปเปิ้ลแดงสุดต้องห้าม แปรไปสู่กลิ่นกุหลาบและไวโอเล็ตชุ่มน้ำ เร้ารุมด้วยกลิ่นวานิลลา และพัทชูลี ที่มาเติมความอบอุ่นลงท้ายที่กลิ่นอำพันกับกลิ่นผิวยั่วใจ สำหรับชายหนุ่ม เป็นความลุ่มหลงและทะเยอทะยานกับกลิ่นแบบเครื่องเทศ ผสมกลิ่นสดชื่นของมะกรูดและส้มจีน กลิ่นค็อกเทลและกลิ่นกาแฟ เหล้าที่หมักด้วยแอปเปิ้ลสุดฉ่ำ ว้อดก้าและวานิลลาทรงเสน่ห์ กลิ่นดอกดาวานาที่เข้มแข็ง จบที่กลิ่นไม้หอม มอส และพัทชูลี ที่จะทอดเวลารักให้ยาวนานข้ามคืน (50ml 2200 บาท 100ml 3150 บาท men 50ml 1850 บาท 100 ml 2600 บาท) - น้ำหอม perfume Red Delicious Women by DKNY 100ML


8. CK one

น้ำหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง Calvin Klein ซึ่งผสมผสานไปด้วยกลิ่นของผลไม้หลากหลายชนิด อย่าง ส้ม, องุ่น, แตงโม นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมธรรมชาติจาก ขิง มิ้นท์ ดอกไม้ นานาพรรณ ดอกดาวเรือง, sun-bleached wood, vanilla, violet and guaiac wood


9. Burberry

กลิ่นน้ำหอม ยอดนิยม

พบกับความหอมตามแบบฉบับของสาวลอนดอน Burberry น้ำหอมจากอังกฤษ ด้วยกลิ่นหอมจากดอก Clementine Honeysuckle และ Rose บรรจุในขวดดีไซน์เก๋ด้วยผ้าทอลาย Check ของ Burberry มี 2 ขนาด
- 50 ml. ราคา 2600 บาท
- 100 ml. ราคา 3700 บาท


10. Lovely Sarah Jessica Parker

อ่อนหวาน แสนน่ารัก นี่คือหญิงสาวผู้เป็นแรงบันดาลใจ Lovely Sarah Jessica Parker แนะนำน้ำหอมใหม่ล่าสุด สะท้อนความคลาสสิกของแฟชั่น อมตะ ไร้กาลเวลา โดดเด่น ไม่ซ้ำแบบใคร ทันสมัยและเปี่ยมรสนิยม พราวความหอมสดชื่น จาก ส้มแมนดาริน เบอร์กาม็อต และไม้หอม Pearwood ความหอมของพัตชูลี และเย้ายวนด้วย Sensuous Cedar

- Lovely Sarah Jessica Parker Eau de parfum spray 30 ml 1800 บาท
- Lovely Sarah Jessica Parker Eau de parfum spray 50 ml 2500 บาท
- Lovely Sarah Jessica Parker Eau de parfum spray 100 ml 3300 บาท

BB ครีม คืออะไร


BB ครีม คืออะไร

สาวๆรู้ไหมว่าเทรนด์ใหม่ของการแต่งหน้าที่สาวเกาหลีเค้าฮิตกัน คืออะไร วันนี้จะแนะนำเจ้า BB Cream ที่สาวๆหลายคนอาจยังไม่รู้จักว่ามันมีประโยชน์อย่างไร เรามาทำความรู้จักเจ้า BB Cream กันนะจ๊ะ

BB Cream คืออะไร

BB Cream ย่อมาจาก Blemish Balm Cream เป็นครีมปรับสภาพผิวหน้าให้เนียนใส ที่รวมทั้งเบสและครีมรองพื้น ในตัวเดียวกัน เหมาะกับสาวๆที่ผิวแพ้ง่าย สาวๆที่มีรอยแดงๆ เห่อบนใบหน้าเจ้าบีบีจะช่วยปรับสภาพสีผิวเราให้เป็นสีปกติ และยังปรับได้เข้ากับทุกสีผิว ดังนั้นบีบี ครีมจึงไม่มีเฉดสีให้เลือก

เหมาะสำหรับ

- ใช้สำหรับปกปิดรอยแผลเป็นจากสิว รอยกระ รอยฝ้า
- ช่วยปกปิดจุดด่างดำ และปกปิดริ้วรอยบนใบหน้า
- ช่วยปรับสีผิวให้ใบหน้ากระจ่างใส
- ช่วยให้ผิวหน้าเรียนเนียน
- ช่วยควบคุมความมันได้ยาวนานยิ่งขึ้น

ผลหลังการใช้

ใช้แล้วจะทำให้หน้าขาวเนียนกระจ่างใส หน้าเรียบเนียนยิ่งขึ้น ทาแป้งแล้วติดทนนาน หน้าบางเบาแต่กระจ่างใส สวยแบบธรรมชาติทาแป้งอีกหน่อยก็หน้าเด้งแล้ว ปัดแก้มอีกนิดก็สวยเริ่ด ซึ่งเหมาะมากๆกับสาวๆที่ชอบแต่งหน้าโทนธรรมชาติ แต่งแบบบางเบาไม่ต้องทาหลายขึ้นตอนประหยัดเวลาอีกด้วย

ความแตกต่าง

สงสัยไหมว่าบีบีครีมต่างจากรองพื้นยังไง
BB Cream จะมีทั้ง Base + Foundation + Sun Block + skincare
พอทาแล้วจะบางเบากว่าทารองพื้น ปกปิดได้ไม่มากแต่ช่วยเรื่องปรับสีผิว และหน้าเนียนใส

5 วิธีลดความอ้วน ที่ห่วยที่สุด


5 วิธีลดความอ้วน ที่ห่วยที่สุด

1 ไดเอ็ตด้วยการกินอาหารแค่บางประเภท

เช่น ซุปกระหล่ำปลี หรือ องุ่น แต่จะกินสักกี่ถ้วยถึงจะพอต่อความต้องการของร่างกาย เพราะ คนเราต้องการสารอาหารหลากหลายประเภทถ้ากินอาหารประเภทนี้ซ้ำๆ อาจจะช่วยลดน้ำหนักได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่คุณก็จะกลายเป็นโรคขาดสารอาหารไปในทันที



2 ไดเอ็ตดีท็อกซ์

เชื่อกันว่าเป็นการล้างสารพิษออกจากร่างกาย จริงแล้วเปล่าเลย มันกลับเป็นวิธีที่ดูโง่ที่สุดและไม่มีผลทางวิทยาศาสตร์ที่วิเคราะห์แล้วว่าดี จริงๆ แล้วอวัยวะในร่างกายของเราดีอยู่แล้วมีระบบฟอกกรองของเสียของร่างกาย เช่น ตับและปอด โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีดีท็อกซ์ในการล้างสารพิษ ฉะนัน ปล่อยให้มันเป็นไปตามกระบวนการทำงานของร่างกายดีกว่า



3 ไดเอ็ตด้วยอาหารหรือยามหัศจรรย์

ลืมไปได้เลยว่าจะมีอาหารหรือยาชนิดไหนสามารถช่วยลดความอ้วนของคุณได้ในระยะเวลายาว โดยที่กินแล้วไม่มีผลกระทบข้างเคียง คุณอาจจะกินวิตามินเสริมไปกับการลดน้ำหนักได้ แต่แนะนำว่ารับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะดีกว่า


4 ไดเอ็ตที่ต้องอด

กลายเป็นค่านิยมสำหรับสำหรับผู้ที่อยากลดน้ำหนักไปแล้ว แต่ไม่ได้เกิดประโยชน์เลย เพราะถ้าคุณกินอาหารไม่เพียงพอก็จะกลายเป็นโรคขาดสารอาหาร ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายและเมื่อคุณเลิกอดอาหารกลับมาทานปกติระบบเผาผลาญก็จะแปรปรวนจนเกิดโยโย่เอฟเฟ็กต์และกลับมาอ้วนอีก


5 ไดเอ็ตที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นจริง

ถ้ามันฟังดูดีจนเกินไปจนไม่น่าทำได้จริง มันก็คงเป็นเช่นนั้น แผนการไดเอ็ตที่อ้างถึง "ความลับ" บางอย่างที่ตรงข้ามกับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือมันก็อาจเป็นความลับที่เป็นไปไม่ได้ก็ได้

กลเม็ดพิชิตกลิ่นปาก


กลเม็ดพิชิตกลิ่นปาก

สาเหตุ ของกลิ่นปาก ส่วนใหญ่เกิดจากเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ตามซอกฟัน บริเวณที่ทำความสะอาดได้ยาก หรือในรูฟันผุ ซึ่งจะมีเศษอาหารเน่าอยู่ รวมทั้งแผ่นคราบฟันและหินปูนที่อยู่รอบๆ ฟัน ซึ่งเป็นที่เก็บกักและสะสมเชื้อโรคต่างๆ บางคนพบว่าเหงือกเป็นหนองจากโรคปริทันต์ หรือมีฟันโยก อาหารบางชนิดเมื่อรับประทานจะมีกลิ่นขับออกมาทางลมหายใจ เช่น หัวหอม กระเทียม ทุเรียน ผู้ที่ดื่มสุรา หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ หรือท้องผูกหลายๆ วัน ก็ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ รวมทั้งผู้ป่วยโรคทางร่างกายบางอย่าง เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง วัณโรค โรคปอด และโรคระบบทางเดินอาหาร

ภาย หลังตื่นนอนใหม่ๆ กลิ่นปากจะแรง เพราะในขณะที่นอนหลับน้ำลายจะถูกขับออกมาน้อย ทำให้น้ำลายมีการหมุนเวียนน้อย เศษอาหารที่ตกค้างสะสมอยู่จึงมีการบูด เกิดเป็นกลิ่นปากค่อนข้างแรง เมื่อตื่นนอนได้แปรงฟัน และน้ำลายมีการไหลเวียนมากขึ้น กลิ่นปากก็บรรเทาลง น้ำลายเปรียบเสมือนน้ำยาบ้วนปากที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกภายในช่องปาก เมื่อมีน้ำลายหลั่งออกมากทำให้ช่องปากสะอาดมากกว่าน้ำลายที่หลั่งออกมาน้อย ช่วยลดการบูดเน่าของอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่น น้ำลายจะหลั่งออกมาได้มากในขณะเคี้ยวอาหาร รับประทานของเปรี้ยว หรือการคิดถึงอาหารอร่อยๆ ที่ชอบ ในบางขณะจะมีการหลั่งน้ำลายน้อย เช่น เวลานอน ภาวะอดอาหาร การดื่มน้ำไม่เพียงพอ อากาศร้อน ตลอดจนภาวะทางจิตใจ ความเครียด อาชีพที่ใช้เสียงมากๆ เช่น ครู ทนายความ มีผลให้มีน้ำลายน้อย และมีกลิ่นปากได้

กลิ่น ปากเกิดได้จากหลายๆ สาเหตุหากแก้ไขที่ต้นเหตุได้ก็จะเป็นวิถีทางที่ดีที่สุด เพราะการใช้ของสำเร็จรูปนั้นเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและชั่วคราว เท่านั้น สำหรับกลิ่นปากในเด็ก ท่านผู้ปกครองไม่ต้องกังวลว่าจะเด็กจะมีโรคเหมือนผู้ใหญ่ เพราะว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของกลิ่นปากเกิดจากในปาก สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่ สุขอนามัยไม่ดี มีเศษอาหารและเชื้อแบคทีเรียเหลือตามซอกฟัน เด็กมักจะมีกลิ่นมากมากในตอนเช้า หากเป็นมากจะมีตอนสาย บางรายเด็กไม่มีอาการปวดฟันแต่มีฟันผุ ที่พบบ่อยคือไซนัสอักเสบทั้งเฉียบพลันและเรื้อรังสามารถทำให้เกิดกลิ่นปาก ได้ นอกจากกลิ่นปากเด็กโดยมากจะเกิดอาการ น้ำมูกไหล ไอกลางคืน คออักเสบ เด็กจะมีไข้เจ็บคอ และมีกลิ่นปาก โรคภูมิแพ้ทำให้มีเสมหะไหลไปที่คอทำให้เกิดกลิ่นปาก ท่านผู้ปกครองควรสอนให้เด็กแปรงฟัน และล้างปาก เลือกแปรงที่มีขนาดเหมาะกับปากและมีขนอ่อนนุ่มพอควรพร้อมยาสีฟัน ยาสีฟันควรมีสารฟลูออไรด์ ควรแปรงฟันพร้อมเด็ก ให้เด็กแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง สอนเด็กใช้ไหมขัดฟัน หากเห็นเศษอาหารติดที่คอก็ให้เด็กกรวกคอบ้วนปากทันที

กลเม็ดพิชิตกลิ่นปาก
1.อย่าปล่อยให้ปากแห้ง เพราะเมื่อปากแห้งความเข้มข้นของแบคทีเรียในปากจะเพิ่มมาก ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ง่าย
2.ดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยล้างแบคทีเรียออกจากน้ำลาย
3.แปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร และอย่างลืมแปรงด้านบนของลิ้น อันเป็นที่เกิดของแบคทีเรียด้วย
4.ใช้ไหมขัดฟันวันละ 2-3 ครั้ง
5.ถ้าไม่สะดวกจะแปรงฟัน ให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาบ้วนปาก
6.เคี้ยวหมากฝรั่งชนิดที่ไม่มีน้ำตาล
7.เคี้ยวใบผักชีฝรั่งหรือกานพลูหลังมื้ออาหาร
8.งดอาหารกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หอมใหญ่ พริกไทย และเนยแข็ง
9.หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก
10.กินอาหารให้ครบหมู่ แม้ว่าคุณจะกำลังลดความอ้วนอยู่ก็ตาม
11.เลิกสูบบุหรี่
12.ตรวจสุขภาพฟันสม่ำเสมอ

ลดริ้วรอยด้วยว่านหางจระเข้


ลดริ้วรอยด้วยว่านหางจระเข้

ริ้วรอย อาจเกิดขึ้นมาจากการคลอดบุตรหรือการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว และโดยเฉพาะกับสาว ๆ ที่อายุยังน้อยแล้วเกิดปัญหาหน้าท้อง น่อง สะโพกลายกันได้


วิธีทำง่าย ๆ คือ ให้ใช้วุ้นสีขาวจากว่านห่างจระเข้ที่ล้างยางออกแล้วมาทาบริเวณรอยแตกลายเป็น ประจำทุกเช้า เย็น ผิวที่แตกลายก็จะค่อย ๆ จางลงได้ เพิ่มความมั่นใจให้ อวดผิวสวยได้อย่างมั่นใจ

แต่ถ้าหากไม่มีว่างหางจระเข้ก็สามารถใช้ ใบบัวบก แทนได้ โดยการนำมาตำคั้นเอาแต่น้ำมาทาบริเวณรอยแตกลายเป็นประจำทุกเช้า เย็น ผิวที่แตกลายก็จะค่อย ๆ จางลงได้เช่นกัน

ถ้าอยากมีผิวสวย ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.

วิธีสร้างเสน่ห์ให้หน้าอก


วิธีสร้างเสน่ห์ให้หน้าอก

ปัญหาที่ทำให้สาวๆ ไม่มั่นใจ ในหุ่นของตัวเอง คงหนีไม่พ้น เรื่อง หน้าอก หน้าใจ แน่ๆ ทราบหรือไม่ว่าการสร้างเสน่ห์ให้หน้าอกสามารถทำได้ด้วยตัวเอง วันนี้มีวิธีมาบอกกันค่ะ


1. เวลาอาบน้ำให้ใช้น้ำเย็นทำความสะอาดบริเวณอก หรือใช้ฝักบัวฉีด (น้ำเย็น) เป็นประจำ จะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดและทำให้เนื้อเยื่อที่เป็นไขมันกระชับตัวขึ้น

2. นวดเบา ๆ บริเวณหน้าอกด้วยน้ำมัน หรือครีม (โลชั่นน้ำนมบำรุงผิวกาย หรือโลชั่นบำรุงผิวก็ได้) สามารถช่วยให้อกกระชับ และดูสวยขึ้นได้

3. การบริหารกล้ามเนื้อบริเวณทรวงอก จะช่วยป้องกันการหย่อนยานได้ ถ้าไม่รู้ว่าจะออกกำลังกายด้วยวิธีใดก็ควรไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับการบริหารกล้ามเนื้อมาอ่านได้

4. เลือกซื้อยกทรงให้ได้ขนาดพอดีกับทรวงอกและควรลองสวมใส่ก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง ไม่ควรสวมให้แน่นเกินไป และไม่ควรเลือกซื้อยกทรงในขณะที่กำลังมีประจำเดือนเนื่องจากในช่วงนี้ ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง ทรวงอกจะขยายตัวใหญ่ขึ้น สำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมลูก ต้องเลือกใส่เสื้อยกทรงที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อป้องกันการหย่อนยาน

5. อย่าลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว หรือทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำจนเกินไป เพราะ นอกจากจะมีส่วนทำลายสุขภาพแล้ว ยังทำให้กล้ามเนื้อหย่อนยาน และเป็นสาเหตุให้เกิดรอยแตกที่ผิวหนังทั้งในบริเวณหน้าอก แขน และหน้าท้องได้

6. ควรปรับปรุงอิริยาบถในการเดิน นั่ง ยืดไหล่ ยืดหลังให้ผึ่งผาย เดินหลังตรง ซึ่งจะช่วยให้หน้าอกดูเต่งตึงขึ้นได้

ถ้าอยากมีทรวงอกที่มีเสน่ห์ ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้นะจ๊ะ.

ทำอย่างไร ถ้าหลั่งเร็ว


ทำอย่างไร ถ้าหลั่งเร็ว

เป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาใหญ่ของชายชาตรีก็คือการ...หลั่งเร็ว ไม่ว่าจะเรียกปัญหานี้ว่า ล่มปากอ่าว นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ หรืออะไรก็ตามแต่ ปัญหาของการหลั่งเร็วนั้น เป็นปัญหาที่ทำให้ความสุขสมในการร่วมรักต้องลดน้อยถอยไป และผู้ที่มักจะได้รับผล กระทบจากการหลั่งเร็วของ 'เขา' ก็เห็นจะไม่พ้น 'เธอ' 'เธอ' ทั้งหลายจึงควรจะต้องทราบว่าจะทำอย่างไรดี

ถ้า 'เขา' ของเธอเกิดปัญหาของการหลั่งเร็วขึ้นมา เพราะถ้าเขาหลั่งเร็วแล้วเธอก็จะไปไม่ถึงดวงดาว ในการร่วมรักกับเขาซึ่งก็คงจะทำให้ผู้หญิง ทั้งสาวและไม่สาวต้องหงุดหงิดใจ และไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไรดี

ในเรื่องนี้นี้ ที่จริงผู้ชายทั้งหลายที่เกิดปัญหาของการหลั่งเร็วนั้น เขาก็พยายามจะหาวิธีการต่างๆ นานาที่จะทำให้เขาหลั่งช้าขึ้นอยู่แล้ว แต่บางครั้งบางคราก็มักจะไม่ได้ผลเหมือนที่หวังและตั้งใจเอาไว้
"ผมอุตส่าห์ฝึกตามตำราที่เขาบอกว่า ต้องฝึกช่วยตัวเองแล้วพอจะหลั่งก็ให้เอานิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้บีบบริเวณคอคอดส่วนปลายของเจ้าจำปี ฝึกจนสามารถควบคุมการหลั่งได้ยาวนานเป็น 10 นาที เรียกว่าซ้อมมาดีมากแต่พอขึ้นเวลาชกจริง ขยับตัวแค่ 2-3 ที เจ้าหนูน้อยที่ไม่รักดีก็หลั่งเสียแล้ว..."

"ผมน่ะฝึกมากกว่านั้นเสียอีก ผมฝึกการกลั้นการหลั่งโดยออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อในแบบขมิบก้น เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อที่อยู่รอบท่อนำน้ำเชื้อแข็งแรง จะได้ควบคุมให้บีบรัดตัวไม่ให้หลั่งออกมาได้ เรียกว่าขมิบก้นวันละ 100-200 ครั้งตามตำราทีเดียว เช่นกันครับเวลาร่วมรักจริงๆ กับแฟนสาวไม่ถึง 3 นาทีก็ม่อยกระรอกไปแล้ว"

"ผมว่าเรื่องนี้ให้ฝึกอย่างไรมันก็ยากนะ เพราะพอผ่านของรักของหวงเข้าไปภายในส่วนสงวนของเธอ ได้สัมผัสกับอะไรบางอย่างที่อบอุ่น ชุ่มชื้น กระชับรัดรึงใต้สัมผัสรักที่แนบแน่นแบบนั้นใครจะอดทนไหว ก็ต้องหลั่งออกมาทุกที เลยต้องใช้วิธีการอื่นที่ทำให้เธอมีความสุขสมอารมณ์หมายไปด้วย..."

เช่นกันสาวๆ ทั้งหลายที่มีชายหนุ่มแบบว่า...หลั่งเร็ว เป็นคู่รักคู่ครองก็พยายามที่จะหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้กันในทุกรูปแบบเท่าที่จะทำได้


"พยายามหาอาหารอะไรที่เขาบอกว่าบำรุงกำลังมาให้รับประทานเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นหอย นางรม อาหารทะเล หรือสมุนไพรอะไรที่เขาว่าแน่ๆ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล ก็เลยทำใจว่าเขาก็ น่ารักทุกเรื่องอยู่แล้ว แค่บกพร่องเรื่องนี้ก็พอให้อภัยได้ แล้วก็เลยใช้วิธีการสุขสมด้วยตนเองแทน ทำให้แก้ขัดไปได้เหมือนกัน"

"ทำใจค่ะ รู้ว่าวันไหนคืนไหนจะมีอะไรกับเขา ก็ทำใจว่าเขาเป็นแบบนั้นแล้วก็สบายใจดี แค่ขอให้เขากอดจูบเรานานๆ ก่อนร่วมรักก็มีความสุขแล้วละค่ะ"

"ปกติจะใช้มือช่วยเขาก่อนหรือไม่ก็ใช้ปากทำรักให้ แล้วปล่อยเวลาให้ผ่านไปรอจนเขาพร้อมจะปฏิบัติการรอบที่สอง ซึ่งก็มักจะมีน้ำอดน้ำทนเพิ่มขึ้น ระหว่างที่รอเขาก็มักจะประเล้าประโลมด้วยวิธีการต่างๆ จนมีอารมณ์มากขึ้น และได้ที่ตอนเขาปฏิบัติการครั้งที่สอง และมีความสุขสมร่วมกัน"

"ให้เขาสวมถุงยางอนามัยทีละ 2 ชั้น และพ่นสเปรย์ยาชาที่อวัยวะของเขาก่อน สวมถุงยางก็ได้ผลเหมือนกันแต่ไม่ทุกครั้ง"

"สามีเป็นคนน่ารักและโรแมนติก เสียแต่หลั่งเร็วนี่แหละ แต่เขาก็รู้ตัวและพยายามแก้โดยการทำบรรยากาศให้โรแมนติก บางครั้งก็จุดเทียนให้วับๆ แวมๆ ให้ดื่มไวน์ขาวเล็กน้อยพอเคลิ้มๆ เขาก็จะทำออรัลเซ็กส์ให้จนตัวเองไปถึงสวรรค์แล้วเขาจึงค่อยร่วมรัก เลยทำให้ไปถึงจุดสุดยอดได้อีกแม้ว่าเขาจะใช้เวลาไม่นานในของเราก็ตาม และตัวเขาก็มีความสุขที่ได้ทำอะไรให้ภรรยาถึงจุดสุดยอดก่อน ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ถ้าสามีภรรยาเข้าใจกันและพยายามที่จะปรับปรุงเทคนิคท่วงท่าลีลาของบทพิศวาส เพื่อความสุขสมของกันและกัน"

ต่อไปนี้จึงเป็นเทคนิคและเคล็ดลับในการแก้ปัญหา ถ้าเขาเกิดการหลั่งเร็ว และคุณผู้หญิงคิดจะช่วยเขาเพื่อที่จะได้มีความสุขสมร่วมกัน เริ่มจาก...


ฝึกฝนจนเคยชิน

การฝึกฝนความอดทนอดกลั้นไม่ให้หลั่งนั้น เป็นบันไดขั้นแรกในการแก้ไขปัญหา ตามตำราแล้วผู้หญิงช่วยเขาได้ ด้วยการใช้มือของเธอกระตุ้นอวัยวะของเขาให้ตื่นตัว จากนั้นก็ทำการกระตุ้นช้าๆ โดยนัดแนะกับเขาว่าถ้าเขาเกิดความรู้สึกอยากจะหลั่งแล้วจะต้องหยุดกระตุ้น ตอนนั้นเขาจะต้องฝึกหายใจเข้าออกช้าๆ พยายามกลั้นไม่ให้หลั่ง

หากสังเกตุเห็นว่าถ้าอวัยวะของเขาเต้นกระตุกทำท่าจะหลั่งแล้ว ให้ฝ่ายหญิงใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้บีบบริเวณรอยคอดส่วนปลายอวัยวะให้แน่นจน เขาไม่รู้สึกว่าจะหลั่งอีกต่อไปจึงหยุดบีบ และทำการกระตุ้นใหม่จนเขาเกิดอาการจะหลั่ง คราวนี้ให้เขากลั้นด้วยตนเองซึ่งถ้าเขาทำไม่ได้ก็ต้องบีบช่วย ฝึกฝนจนเขาสามารถกลั้นได้ด้วยตนเอง

และทำการกระตุ้น...หยุด...กระตุ้น...หยุด ฝึกได้ ประมาณ 10 นาที แล้วค่อยปล่อยให้เขาหลั่ง ฝึกฝนเป็นประจำสม่ำเสมอ จะทำให้เขาสามารถอด ทนอดกลั้นได้นานจนเคยชิน สำคัญที่สุดของช่วงเวลานี้ก็คือ...กำลังใจที่จะมีให้แก่กัน


ต่อจากนั้น...อดทนต่อสัมผัสรัก

เป็นความจริงที่ว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่สามารถจะอดทนต่อสัมผัสรักภายในส่วนสงวนของผู้หญิง ได้ เพราะภายในนั้นมันช่างอบอุ่น นุ่มนวล ชุ่มชื้น กระชับรัดรึง และความรู้สึกดังกล่าวนั่นแหละทำ ให้ผู้ชายส่วนใหญ่กลายเป็น หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อมไม่หมดความรู้สึกต่อสัมผัสรักที่อบอุ่น นุ่มนวล รัดรึงนั้นทำให้เขาแทบทุกคนต้องหลั่งออกมา

จัดการฝึกให้เขาผ่านของเขาเข้าไปภายในส่วนสงวนของคุณผู้หญิง...แล้วไม่ขยับเขยื้อนกายกัน ทั้งสองคน เป็นการฝึกความอดทนต่อการหลั่งจากการสัมผัสรักภายในที่แสนจะอบอุ่นให้ได้ ให้เคยชินต่อสัมผัสรักดังกล่าว

และถ้าเกิดการหลั่งขึ้นจะต้องให้กำลังใจเพื่อที่จะได้ลองทำใหม่ อีกครั้ง... อีกครั้ง และอีกครั้งจนสามารถผ่านด่านนี้ไปได้


ด่านที่สาม...ทำๆ หยุดๆ

ฝึกให้เขาขยับเขยื้อนสัมผัสรักภายในส่วนสงวน โดยให้เขาหยุดเป็นระยะๆ เมื่อเขาเกิดความ เสียวซ่าน การหยุดดังกล่าวนั้นจะให้เขาถอนกายออกมาจนหมดก็ได้ ถ้าถอนกายออกมาแล้ว ยังกลั้นไม่ไหวให้ใช้นิ้วมือบีบบริเวณคอคอดส่วนปลายอวัยวะ ไม่ว่าจะให้เขาทำเอง หรือคุณผู้หญิงจะ ช่วยก็ใช้ได้ทั้งนั้น และฝึกจนเขาสามารถที่จะหยุดความรู้สึกเสียวซ่านได้

ในขณะที่ยังคงสัมผัสรักกันอยู่ภายใน จำไว้ว่าต้องใจเย็นและอดทนต่อการล้มเหลว เมื่อล้มลงได้ก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่เสมอ ไม่นานเขาก็จะเกิดความชำนาญ และรู้จังหวะของการหยุด และการเริ่มต้นใหม่มาถึงตอนนี้...ทุกอย่างก็เริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว

และเชื่อไหมว่า การร่วมรักกันบ่อยๆ เป็นประจำจะยิ่งช่วยให้ความตื่นเต้นลดลง และสามารถที่จะยืดเวลาแห่งความสุขออกไปได้อื่นๆ...ที่อาจจะช่วยได้


แน่นอนว่ายังมีเคล็ดลับอื่นๆ อีกที่จะทำให้สามารถชะลอเวลาการหลั่งออกไปได้



มีเพศสัมพันธ์กัน 2 ครั้ง และคิดว่าครั้งแรกเป็นอย่างไงก็อย่างนั้น ระหว่างพักรบให้เขาช่วยทำรักให้คุณผู้หญิงในรูปแบบอื่นจนคุณสุขสม รอเวลาที่เขาจะกลับมาปฏิบัติการอีก ซึ่งแน่นอนว่าเวลาจะยืดออกไป

จัดการสุขสมด้วยตนเองก่อนสักครั้ง เวลาร่วมรักกับเขาคุณผู้หญิงจะได้ไปถึงได้เร็วขึ้น

อาบน้ำอุ่นร่วมกันก่อนร่วมรักจะช่วยให้เขาเกิดการผ่อนคลายได้ และผู้หญิงนั้น เมื่อผ่อนคลายจากการอาบน้ำอุ่นก็จะทำให้เกิดอารมณ์พิศวาสได้ง่าย และไปถึงดวงดาวได้เร็ว


จำไว้เสมอว่า ถ้าเขาหลั่งไปแล้ว คุณก็ไปถึงได้...ด้วยตนเอง!!!

สารพันปัญหา ท่าร่วมรัก (ตอนจบ)

สารพันปัญหา ท่าร่วมรัก (ตอนจบ)

ว่ากันว่าท่าที่ผู้หญิงเจ็บน้อยที่สุดคือท่าที่ผู้หญิงอยู่ข้างบน

แม่นแล้ว แถมม่วนหลายด้วยเพราะในท่าที่เรียกว่า Woman on top นั้นเป็นท่วงท่าที่ผู้หญิงสามารถที่จะควบคุมการสอดใส่ให้เป็นไปในทิศทางของมุมตกมุมกระทบที่สอดคล้องกับช่องทางสวรรค์ของเธอ นอกจากนี้ผู้หญิงที่มีความสามารถจะรู้จักการควบคุมกล้ามเนื้อโดยรอบช่องคลอด

ให้คลายออกด้วยการเบ่งเหมือนเบ่งถ่ายอุจจาระแต่เป็นการคลายกล้ามเนื้อรอบช่องคลอดไปในตัว ก็จะทำให้ช่องคลอดของเธอสามารถที่จะขยายตัวรับกับขนาดของเขาคนนั้นได้เป็นอย่างดี


และถ้าเธอรู้จักการบีบรัดช่องคลอดด้วยการฝึกขมิบก้นเป็นการทำให้กล้ามเนื้อช่องคลอดหดตัวก็จะสามารถทำให้ช่องคลอดของเธอรับกับขนาดของเขาคนนั้น

ที่อาจมีขนาดต่ำกว่ามาตรฐานไปบ้างทำให้เกิดการฟิตแน่นและได้รับความสุขจากการสัมผัสที่ลึกซึ้งด้วยกันอย่างประทับใจไปนานแสนนาน

นอกจากนี้ในท่วงท่าที่ผู้หญิงอยู่ด้านบนนั้นถ้าอวัยวะของทั้งสองแนบสนิทฟิตแน่นแล้วจะทำให้เกิดการกระตุ้นจุด จีสปอต ของเธอได้เป็นอย่างดีทำให้อารมณ์กระสันต์ของเธอถูกเร่งเร้า

จนสามารถที่จะผลิตน้ำหล่อลื่นออกมามากจนทำให้ช่องทางรับเรียบลื่นไม่ติดขัดในการเคลื่อนไหวที่ให้ความเสียดสีอันแสนประทับใจและไม่เจ็บ

แถมเป็นท่วงท่าที่ผู้หญิงสามารถถึงจุดสุดยอดได้เร็วและดีด้วยจนประทับใจกันทั้งสองฝ่าย



ควรจะร่วมรักกับผู้หญิงอ้วนในแบบไหนจึงจะสะใจทั้งคู่

ผู้ชายมักจะสะใจถ้าสามารถที่จะสอดใส่ของเขาเข้าไปได้ลึกที่สุด เช่นกันผู้หญิงก็อยากให้ผู้ชายของเธอหลั่งภายในส่วนที่ลึกที่สุดของซอกหลืบเธอเช่นกัน นั่นเป็นความรู้สึกที่สั่งสมมาตามธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว และการที่จะสามารถสอดเข้าไปได้ลึกที่สุด



ในผู้หญิงที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์เจ้าเนื้อซึ่งก็มีจำนวนมากขึ้นในยุคนี้และเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของผู้ชายหลายต่อหลายคนที่ฝันอยากลองร่วมรักกับผู้หญิงเจ้าเนื้อดูสักครั้ง แน่นอนว่าส่วนนั้นของเธอมีกันชนที่หนาและช่องทางที่จะเข้าไปก็ถูกหนีบระหว่างต้นขาที่ใหญ่จนปิดแน่น


ทำอย่างไรจึงจะทำให้ช่องทางรักเปิดกว้างให้เข้าไปสัมผัสได้จึงเป็นโจทย์ปัญหาของคนที่อยากลองแต่ไม่อยากเรียนรู้ด้วยตนเอง คำตอบก็คือให้เธอนอนหงายบริเวณขอบเตียงโดยชันขาขึ้นและแยกขาทั้งสองข้างออกให้มากเพียงพอที่จะเปิดประตูแห่งความหฤหรรษ์ออกมา

ให้ชายหนุ่มของเธอได้เยี่ยมยลและลองใช้ จะเป็นขอบอย่างอื่นก็ไม่รังเกียจเช่นขอบโต๊ะรับประทานอาหารหรือขอบม้านั่ง ต่อจากนั้นคงไม่ต้องบอกนะว่าทำอย่างไร


แล้วร่วมรักกันท่าไหนจึงอันตรายแบบสุดๆ

อะไรที่สนุกสุดๆ ก็อันตรายสุดๆ เช่นกัน ว่ากันว่าการร่วมรักในท่วงท่าที่เรียกว่า Woman on Top นั้นเป็นท่วงท่าที่ผู้หญิงสนุกแบบสุดๆ และไม่เจ็บด้วยทำให้เธอสามารถที่จะกระแทกกระทั้นได้อย่างเมามันในอารมณ์แต่เมื่อเป็นดังนั้นถ้าผู้ชายของเธอไม่สามารถที่จะควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดี

การกระแทกผิดมุมก็อาจทำให้ของรักของหวงของฝ่ายชายเกิดชอกช้ำหรืออาจจะหักกลางได้ถ้าผิดมุมแบบสุดๆ ถึงแม้โอกาสจะเกิดน้อยแต่หมอๆ ทั้งหลายก็เคยเห็นมาแล้วว่ามันทุลักทุเลแค่ไหนเวลาเกิดเรื่อง

เพราะอวัยวะเพศชายที่หักภายในจะยังแข็งและมีเลือดคั่งอยู่แต่ด้านนอกจะเหี่ยวโดยเร็วเพราะความเจ็บปวดทำให้ไม่สามารถที่จะดึงออกได้ง่าย บางครั้งบางคราจึงต้องหามส่งโรงพยาบาลทั้งสองคนเป็นที่สนุกสนานบันเทิงใจของผู้ได้พบเห็น

และบางครั้งถึงกับต้องสั่งแพทย์ฉุกเฉินไปที่เกิดเหตุเพื่อที่จะแยกร่างออกจากกัน ลองนึกตามนะว่าถ้าเกิดกับตัวเองจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นก็บันยะบันยังและควบคุมสติอารมณ์บ้างในท่วงท่าการร่วมรักที่แสนมันส์นี้จะได้มีใช้กันต่อนานๆ

ท่าร่วมรักแบบไหนที่ทำให้เกิดความชื่นชมยินดีในกันและกันมากที่สุด

น่าจะเป็นท่าร่วมรักในรูปแบบของ Tantra Sex แบบหนึ่งที่ชายและหญิงนั่งหันหน้าเข้าหากันและเมื่อฝ่ายชายได้สอดอวัยวะของเขาเข้าสู่ซอกมุมอันเร้นลับของผู้หญิงของเขาเรียบร้อยแนบแน่นแล้วก็จะยังไม่เคลื่อนไหวร่างกายส่วนใดๆ แต่จะใช้กระแสจิตมองตากัน



ถ่ายทอดความรักความผูกพันในกันและกันจนประสานเป็นหนึ่งเดียว และให้พลังงานแห่งความรักของทั้งสองได้ไหลวนในกันและกันผ่านจุดยุทธศาสตร์ของทั้งสองที่ประสานแนบแน่นอยู่ตลอดเวลาจนสามารถที่จะถึงจุดสุดยอดได้

โดยไม่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายแต่ใช้กระแสพลังงานที่ผ่านจิตใจเคลื่อนไหวแทน นี่เป็นวรยุทธ์ขั้นสูงในการร่วมรัก เหมือนที่ว่า "ไม่เคลื่อนไหวก็คือการเคลื่อนไหว" ตามสำนวนกำลังภายในนั่นแหละ

และถ้ายังฝึกไม่ได้ในท่านี้การเคลื่อนเข้าออกถึงจะลำบากบ้างแต่ก็พอทำได้โดยสะดวกด้วยความร่วมมือที่ประสานเป็นหนึ่งเดียวของคนสองคน และเมื่อรู้ใจกันนานๆ แล้วสุดยอดของท่วงท่าร่วมรักก็คงสามารถที่จะทำได้ในวันหนึ่ง เป็นวันนั้น...ที่หลายคนรอคอย


เขียนโดย : รศ. นพ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์

สารพันปัญหา ท่าร่วมรัก (ตอนแรก)


สารพันปัญหา...ท่าร่วมรัก (ตอนแรก)

ว่ากันว่าเซ็กซ์หรือที่เรียกหากันอย่างไพเราะว่า "ร่วมรัก" นั้นเกิดมาคู่กับมนุษย์ตั้งแต่มีมนุษย์คู่แรกคืออดัมส์กับอีฟแล้ว และถ้าอดัมส์กับอีฟไม่สามารถร่วมรักกันอย่างถูกเทคนิคก็คงจะไม่มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองมาจนทุกวันนี้หรอก

เซ็กซ์ในธรรมชาติจึงมีไว้เพื่อ...การเจริญพันธุ์ แต่เซ็กซ์ยังมีคุณประโยชน์อนันต์เพราะเป็นเรื่องราวของ...การสุขสมร่วมกันทั้งการเจริญพันธุ์และการสุขสมร่วมกันจึงเป็นสิ่งที่เซ็กซ์สามารถให้พร้อมๆ กันได้หรือจะแยกให้แต่ละอย่างก็ได้ สุดแต่ว่าจะใช้ประโยชน์จากเซ็กซ์หรือการร่วมรักแบบไหน

กล่าวกันว่าเซ็กซ์ที่สุขสมนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนเรามีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และหวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถที่จะร่วมรักกับใครคนนั้นในรูปแบบที่ฝันเอาไว้

และเมื่อความฝันเป็นจริงขึ้นมาก็จะซึมซับความสุขสมจากการร่วมรักที่แสนประทับใจดังกล่าวไว้จนกว่าวันนั้นจะมาถึง

แต่แน่นอนว่าการร่วมรักนั้นไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัวและความนิยมชมชอบของแต่ละบุคคลก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงมักจะเกิดปัญหาขึ้นเสมอๆว่า

แบบไหนดี แบบไหนปกติ แบบไหนอันตราย เลยขอถือโอกาสรวบรวมปัญหาคาใจเกี่ยวกับการร่วมรักมีเขียนให้อ่านกันไว้เป็นความรู้ เพราะเขาว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครา…

เขาว่ากันว่าขนาดที่ใหญ่กว่าของอวัยวะเพศชายจะทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ดีขึ้นใช่ไหม

ไม่เสมอไปแต่ก็เป็นจริงส่วนหนึ่งคืออวัยวะเพศชายที่ฟิตพอดีจะทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น

เพราะจุดคลิตอริสที่เป็นปุ่มยื่นออกมาเหนือปากทางเข้านั้นจะมีส่วนหางที่ยืดออกมาเป็นวงรอบช่องคลอด เวลาที่อวัยวะเพศชายเคลื่อนเข้าออกภายในช่องคลอดก็จะทำให้หางของคลิตอริสนี้ยืดเข้ายืดออกเช่นกัน

เพราะฉะนั้นอวัยวะเพศชายที่ฟิตพอดีกับช่องคลอดของผู้หญิงก็จะทำให้เกิดการสัมผัสที่แนบแน่นและทำให้หางคลิตอริสเคลื่อนเข้าออกได้ดีขึ้นเป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสภายในช่องคลอดได้อย่างดีผู้หญิงจึงสามารถถึงจุดสุดยอดได้ดีขึ้น

แต่ถ้าขนาดเล็กไปแล้วหลวมเวลาสอดใส่ก็จะไม่สามารถที่จะทำให้เกิดการกระตุ้นนี้ได้ และถ้าขนาดใหญ่เกินไปก็จะทำให้ผู้หญิงเจ็บจนหมดอารมณ์สนุกไปเช่นกัน ขนาดที่ฟิตพอดีจึงเป็นคำตอบสุดท้าย…ที่จะพิชิตใจผู้หญิงทุกคน...แต่เทคนิคต้องดีด้วยนะ

ท่าร่วมรักแบบไหนที่ทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ได้ดีที่สุด

ที่จริงท่าร่วมรักทุกท่าสามารถที่จะทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ได้ทั้งนั้น แต่เรื่องของการร่วมรักที่จะทำให้มีบุตรง่ายนั้นทฤษฏีมีอยู่ว่า

น้ำอสุจิของผู้ชายนั้นเวลาหลั่งออกมาใหม่ๆ จะมีลักษณะเป็นวุ้นต้องรอสักระยะหนึ่งประมาณ 10-30 นาทีก็จะละลายเป็นน้ำที่ตัวอสุจิจะสามารถแหวกว่ายได้สะดวก


และถ้าผู้หญิงถึงจุดสุดยอดก่อนหรือพร้อมๆ กับเวลาที่ผู้ชายหลั่งน้ำอสุจิภายในช่องคลอดของเธอก็จะเกิดแรงดูดประเภท Negative pressureขึ้นจนสามารถที่จะดูดน้ำอสุจิที่หลั่งออกมาให้เข้าไปภายในปากมดลูกได้ดีขึ้นโอกาสการตั้งครรภ์จึงสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว

เมื่อเข้าใจทฤษฏีแบบนี้แล้วก็เร่งเปิดโรงงานผลิตลูกโดยการร่วมรักที่ทำให้เธอคนนั้นถึงจุดสุดยอดก่อนหรือพร้อมๆกัน

แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องอาศัยการเล้าโลมที่เนิ่นนานพอที่จะทำให้เธอมีอารมณ์พิศวาสมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำออรัลเซ็กซ์ก่อน หรือจะใช้การกระตุ้นโดยวิธีอื่นที่เธอชอบทำให้เกิดน้ำหล่อลื่นออกมามากๆ

จากนั้นก็ร่วมรักกันได้ทุกท่าทางที่ทำให้เธอพอใจก่อนที่จะจบลงด้วยท่า Missionary โดยหาหมอนมาหนุนรองก้นบริเวณสะโพกของเธอไว้แล้วให้เธอชันขาขึ้น โดยท่านี้จะทำให้ช่องคลอดมีมุมชันขึ้นเวลาที่หลั่งน้ำอสุจิออกมาจะได้ไม่หายหกตกหล่นไปไหน จากนั้นก็บรรเลงบทเพลงสุดท้ายให้สมใจที่รอคอยจนเมื่อหลั่งเรียบร้อย ก็ถอนร่างกายออกได้

ปล่อยให้ฝ่ายหญิงนอนในท่าดังกล่าวต่อไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็เป็นอันเสร็จพิธีกรรมอันสุนทรีย์ที่จะเป็นการเจริญเผ่าพันธุ์ต่อไป เรียบร้อยแล้วจะจัดการซ้ำในรูปแบบใดต่อไปก็เชิญเลย

อายุเครื่องสำอางค์


อายุเครื่องสำอางค์

ความสวยความงามกับสาว ๆ นั้นถือว่าเป็นของคู่กัน ดังคำโบราณที่ว่า "ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง" เพราะฉะนั้นการจะแยกเรื่องสวย ๆ งาม ๆ ออกจากหญิงสาวอย่างเรา ๆ นั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย

และก็ไม่แปลกหากสาว ๆ ส่วนใหญ่จะมีอุปกรณ์เสริมความงามมากมายหลายหลากชิ้น ทั้งแป้งพัฟ แป้งฝุ่น คอนซีลเลอร์ มาสคาร่า บลัชออน ลิปติก ลิปกลอส ฯลฯ เรียกได้ว่าบางครั้งของที่อยู่ในกระเป๋านั้นมีแต่เครื่องสำอางค์มากกว่าอย่างอื่นเสียอีก

แต่สาว ๆ รู้หรือไม่ค่ะว่าเหล่าบรรดาเครื่องประทินโฉมทั้งหลายที่คุณ ๆ ซื้อมาใช้นั้นต่างก็มีอายุขัยในการใช้งานเหมือนกัน ไม่ใช้ว่าซื้อมาหนึ่งครั้งแล้วจะใช้ไปได้ชั่วชีวิต วันนี้เราก็เลยมาเฉลยให้สาว ๆ ที่นี่ทราบกันว่า เครื่องสำอางค์ชนิดไหนมีอายุการใช้งานเท่าไหร่กันบ้าง

- มอยเจอร์ไรเซอร์ และลิปสติก มีอายุการใช้งานหลังจากแกะออกมาใช้ครั้งแรกไปแล้ว 1 - 1 ปีครึ่ง

- รองพื้น / ครีมกันแดด / อายส์ แชโดว์ มีอายุการใช้งานหลังจากแกะออกมาใช้ครั้งแรกไปแล้ว 1 ปี

- มาสคาร่า มีอายุการใช้งานหลังจากแกะออกมาใช้ครั้งแรกไปแล้ว 6 เดือน


ทราบกันเช่นนี้แล้ว เวลาใช้เครื่องสำอางค์คราวหน้าก็อย่าลืมจดจำกันนะจ๊ะ ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะจดบันทึกเอาไว้ด้วยก็ได้ เพื่อป้องกันการหลงลืมค่ะ ของแบบนี้ต้องใส่ใจนะคะ เพราะถ้าคุณยังฝืนใช้เครื่องสำอางค์หมดอายุ แทนที่หน้าจะสวยใส อาจจะกลายเป็นหน้าหมองคล้ำแทนได้จ้า

ที่มา
http://variety.mwake.com/story/90/อายุเครื่องสำอางค์.html

อาหารบำรุงประจำเดือน


อาหารบำรุงประจำเดือน

ประจำเดือนที่มาตามปกติแสดงถึงความสมบูรณ์ของสตรีวัยเจริญพันธุ์ และเป็นการ ถ่ายเทเลือดเสียซึ่งเกิดจากการสลายตัวของเยื่อบุมดลูกและสร้างเยื่อบุมดลูกใหม่หมุนเวียน ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายเป็นปกติ

ทว่าแต่ละเดือนที่คุณผู้หญิงต้องเสียเลือดเป็นจำนวนมากจากการมีรอบเดือน ร่างกายจะสูญเสียวิตามินและเกือแร่อย่างแคลเซียม ธาตุเหล็ก และสังกะสีด้วย ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียกว่าปกติ หรือมีอาการปวดศีรษะ นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร อารมณ์เศร้าซึม โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่สุขภาพไม่แข็งแรง ขาดการออกกำลังกาย หากมัวแต่อดอาหาร รักษาหุ่น อาจทำให้ขาดสารอาหารที่จำเป็น และเสี่ยงต่อภาวะโลหิตจาง ร่างกายจะซูบซีด ผิวพรรณไม่มีเลือดฝาด

ในช่วงมีรอบเดือน การรับประทานอาหารที่สมดุลต่อร่างกายจะช่วยป้องกันอาการต่าง ๆ ได้โดยเน้นที่อาหารบำรุงเลือด เช่น เครื่องในสัตว์ ไข่แดง ถั่วเมล็ดแห้ง และผักใบสีเขียวจัด เช่น คะน้า กวางตุ้ง สาหร่าย เป็นต้น ซึ่งให้ธาตุเหล็ก วิตามินบี 6, บี 12, บีรวม และกรดโฟลิก ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างเลือดสูง

สำหรับสตรีที่ประจำเดือนมาน้อยหรือมากผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจมี ความผิดปกติ ในร่างกาย เช่น ต่อมธัยรอยด์ทำงานไม่สมบูรณ์ หรือมีเนื้อร้ายที่มดลูกก็ได้ ความปลอดภัยจะมีมากขึ้น ถ้าอยู่ใกล้มือหมอ

ที่มา
http://variety.mwake.com/story/182/อาหารบำรุงประจำเดือน.html

อาหารที่ดีต่อผิวพรรณ


อาหารที่ดีต่อผิวพรรณ

เนื้อปลา
เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้าน อนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย

น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรี่สูงก็จริง แต่มีข้อดีคือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูง และเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและที่สำคัญในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วยวิตามินเอ และอี ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ทำให้ผิวดูอ่อนวัยคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม

เมล็ดข้าวและธัญพืช
ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ด ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ งา นอกจากจะมีวิตามินบีสูงแล้ว ยังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ซึ่งจะช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของเซลล์ มีงานวิจัยระบุว่าวิตามินอี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยปกป้องความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะให้แก่ผิว


ผลไม้และผักสด
ผักสด มีวิตามินเอ ช่วยทำให้ผิวหนังไม่แห้ง และยังสดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ และยังมีวิตามินซีซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างเส้นใย คอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผิวพรรณของใบหน้าดูเต่งตึง มีความยืดหยุ่น ผักสดและผลไม้ จึงควรเป็นอาหารที่คุณควรบรรจุไว้ในเมนู อาหารทุกมื้อของคุณ ผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ ส้ม มะนาว มะเขือเทศสับปะรด ฝรั่ง ส่วนผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอมาก ได้แก่ กล้วย
มะละกอ ฟักทอง แครอท

น้ำเปล่า
น้ำทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับทุกระบบภายในร่างกาย และหากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ6-8 แก้วโต ๆ เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่อง แบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และยังป้องกันผิวหย่อนยานจากการลดน้ำหนักอย่างอวบฮาบอีกด้วย

ตัวอย่างเมนูอาหารเพื่อผิวผ่อง
มื้อเช้า : สลัดผลไม้ราดด้วยโยเกิร์ตหรือสลัดผักสดกับน้ำสลัดใส
มื้อเที่ยง : ปลาจาระเม็ดนึ่ง แกงเลียง ข้าวกล้อง
มื้อว่าง : นมถั่วเหลือง หรือน้ำผลไม้คั้นสด ๆ
มื้อเย็น : ลาบเห็ด ซุบเต้าหู้ ข้าวกล้อง



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

เลือกต่างหูแบบไหนให้เข้ากับรูปหน้า

เลือกต่างหูแบบไหนให้เข้ากับรูปหน้า

เลือกต่างหูสวยๆให้เข้ากับใบหน้าสวยๆนะคะ… ต่างหูถึงแม้จะเป็นเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ แต่ก็ทำให้เราสวยและมั่นใจขึ้นได้อีกเยอะนะคะ เรามาดูวิธีการเลือกต่างหูให้เหมาะสมกับใบหน้าของเรา เพื่อจะเสริมให้เราดูดีขึ้นกันดีกว่าค่ะ

สาวหน้ากลม
ทริคง่าย ๆ สำหรับสาวหน้ากลมก็คือ พยายามเลี่ยงต่างหู หรือสร้อยที่มีลักษณะกลม ๆ มน ๆ และขนาดใหญ่ ๆ เพราะว่ามันจะไปเน้นรัศมีหน้ากลม ของคุณให้แป้นแล้นดังขนมไหว้พระ หาต่างหูลักษณะยาวในแนวดิ่งมาใส่ดีที่สุดค่ะ จะได้ช่วยพรางหน้าให้ดูเรียวราวยิ่งขึ้นกว่าเดิม
สามหน้ายาวมาก..ก..
ต่างหูยาวย้อยห้อยระย้าเนี่ยต้องเลี่ยงเลยนะคะ ถ้าคุณดื้อมีหวังหน้ายาวเป็นแก้วหน้าม้าแน่ ๆ มองหาตุ้มหูที่มีตุ้มห้อยเล็ก ๆ กระจุ๋มกระจิ๋มดีกว่า รับรองว่าจะช่วยให้ดูเป็นสาวหวานขึ้นเป็นกอง ต่างหูทรงกลมมนก็ใส่ไปเลยค่ะ เหมาะมาก เพราะช่วยลดทอนใบหน้ายาวๆ ให้สั้นลงได้
สาวน้อยคอสั้น
เหมาะมากกับสร้อยเส้นยาวประดับจี้และต่างหูสายยาว ๆ เพราะสามารถยืดคอคุณให้ยาวระหงขึ้นอีกเท่าหนึ่งก็ว่าได้ ขอย้ำ!!! ต้องยาวววว เท่านั้นที่เราต้องการ ท่องให้ขึ้นใจนะคะ
สาวหน้าเหลี่ยม
ถือว่าเป็นรูปหน้าที่เก๋และมีเอกลักษณ์ทีเดียวเชียว ข้อดีสำหรับสาวที่มีหน้าเป็นเหลี่ยมเป็นมุมก็คือ เหมาะกับเครื่องประดับที่มีลักษณะกลมมน เช่น ต่างหูใหญ่ ๆ แบบติดหู หรือประเภทห่วงโต ๆ ก็ได้ เพราะใส่แล้วออกมาเก๋มากๆ ขอบอก แต่ข้อเสียคือ ห้ามใส่ต่างหูดีเทลมาก ๆ มันจะทำให้ดูเยอไปหมด
สาวคอยาวเกินงาม
คอ ยาวไปก็ใช่ว่าจะสวย ขอบอกว่าเหมาะมากกับสร้อยประเภทโช้กเกอร์หรือสร้อยติดคอนั้นเอง มันจะสามารถบดบังคอคุณให้ดูสั้นลงได้ ต่างหูเส้นยาวก็เป็นอีกหนึ่งข้อห้ามเลยนะคะ เดี๋ยวคอยิ่งยาวเป็นยีราฟ จะหาว่าไม่เตือนกัน

ลองเลือกลองหาใส่กันดูนะคะ แต่อย่าซื้อมากล่ะ เดี๋ยวเงินหมดสิ้นเดือนไม่มีใช้ละยุ่งเลย

ที่มา : www.mcot.net

เลือกสีผมให้เข้ากับสีผิว

เลือกสีผมให้เข้ากับสีผิว

ว่ากันว่าสีผมที่กำลังมาแรงและฮิตสุดๆ ของสาวๆ ทั่วโลกก็คือ โทนสีบรูเน็ต หรือ โทนสีบลอนด์เข้มนั่นเอง

เบื่อ กับผมสีเดิมๆ ที่ไร้ความโดดเด่น ขาดชีวิตชีวา สีเข้มจัดหรืออ่อนสว่างจนเกินไป อยากจะเปลี่ยนสีสันให้สวยในแบบแตกต่างและอินเทรนด์ ว่ากันว่าสีผมที่กำลังมาแรงและฮิตสุดๆของสาวๆ ทั่วโลกที่เหล่าบรรดาแฮร์ สไตลิสท์ชื่อดังทั้งหลายต่างแนะนำกันก็คือ โทนสีบรูเน็ต หรือโทนสีบลอนด์เข้มนั่นเอง

โทน สีบรูเน็ตนี้ว่ากันไปแล้วเหมาะกับสาวไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสาวๆ ที่อยากเปรี้ยวแบบเปรี้ยงปร้างควรเกาะติดกระแสความร้อนแรงของการทำผมสีบรู เน็ตกันโดยด่วน เพราะว่าตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน วงการอะไร คุณก็จะเห็นดารา นักร้อง นางแบบออกมาทำสวยด้วยผมสีบรูเน็ตกันเป็นทิวแถว แต่ไม่ต้องกังวลไปสำหรับสาวที่กลัวว่าผิวสีของคุณจะไม่เข้ากับผมสีบรูเน็ต เพราะไม่ว่าคุณจะมีผิวสีอะไรจะผิวทองแดง ผิวขาว ผิวเหลือง ก็สามารถทำสีโทนบรูเน็ตได้

ลองมาเช็คกันก่อนซิว่าผิวสีของคุณเหมาะกับผมสีบรูเน็ตหรือไม่?

สาวผิวขาวอมชมพู (Fair Skin Tones)
1. ถ้าคุณสาวๆ ยังไม่แน่ใจว่าผิวพรรณของตนเองนั้นเข้าข่ายเป็นสาวผิวขาวอมชมพูหรือเปล่า ให้ช่างทำสีผมเป็นคนตัดสินใจแทนคุณดีกว่าว่าคุณเป็นสาวผิวสีประเภทไหนกันแน่
2. สาวผิวขาวอมชมพูเข้ากันได้ดีกับผมสีบรูเน็ตเฉดน้ำตาลอุ่น ผมโทนนี้จะช่วยสร้างกรอบให้ใบหน้าและช่วยปรับให้ใบหน้าดูอ่อนโยนขึ้น
3. โทนสีน้ำตาลอุ่นนั้นมีมากมายให้เลือกหลายเฉด ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาลน้ำผึ้ง สีน้ำตาลทองแดง หรือแม้แต่สีน้ำตาลมะฮอกกานีที่จะช่วยทำให้ใบหน้าไม่ดูจืดชืดจนเกินไป และช่วยขับให้ผิวนวลกระจ่างดูมีสีเลือดฝาด
4. หลีกเลี่ยงเฉดสีบรูเน็ตที่มีสีค่อนข้างเข้ม เพราะจะยิ่งทำให้ผิวพรรณของคุณสาวๆ ดูซูบซีดเหมือนถูกท่านเคาท์แดร็กคูล่าดูดเลือดได้
5. สีที่จะทำไฮไลท์ให้ผมโทนสีบรูเน็ตดูโดดเด่นได้ ต้องเป็นสีทองบลอนด์หรือสีทองแดงอ่อนๆ เท่านั้น
6. ถ้าคุณวางแผนจะเปลี่ยนสีผมเองที่บ้าน พยายามเลือกซื้อสีบรูเน็ตโทนอุ่น เฉดน้ำตาลทองแดง หรือน้ำตาลมะฮอกกานีให้ได้ อย่าคิดที่จะพยายามผสมสีขึ้นเอง หากคุณหาซื้อสีที่คุณต้องการไม่ได้


สาวผิวเหลือง (Medium Skin Tone)
1. ถ้าไม่แน่ใจในผิวสีของตัวเองว่าจะทำผมสีบรูเน็ตโทนไหนได้สวยสะเด็ดยาด ให้เดินไปถามที่ร้านทำผมที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านสีผมประจำอยู่ คุณจะได้คำตอบที่ถูกใจและมั่นใจแบบสุดๆ
2. ผิวสีขาวเหลืองเหมาะเหม็งแบบสุดๆ กับผมสีบรูเน็ตเฉดเชสนัท จำไว้ให้ดี
3. ถ้าไม่อยากทำสีผมโทนเดียวโดดๆ ดูเชยจนเกินไป มามิกซ์แอนด์แมทช์จับคู่สีทำไฮไลท์ให้เส้นผมสีน้ำตาลเชสนัทกันด้วยสีไฮไลท์ แบบสีทอง รวมไปถึงสีทองเหลืองก็ดูเข้ากันดีอย่าบอกใคร
4. ถ้าคุณมีปัญหากังวลใจว่าผมสีบรูเน็ตที่ช่างทำสีผมเลือกให้จะไม่ถูกใจ ลองตัดภาพนางแบบที่มีโทนสีผมที่คุณต้องการไปให้ช่างทำสีผมพิจารณาถึงความ เป็นไปได้ดู จะได้ถูกใจทั้งเจ้าของเส้นผมและช่างทำสีผม
5. หากคุณเลือกที่จะทำสีผมเองที่บ้าน ลองมองหาผลิตภัณฑ์ทำสีผมโทนน้ำตาลทองปานกลาง หรือสีน้ำตาลเชสนัท หากเลือกสีที่ผิดเพี้ยนไปจากนี้ เช่น สีโทนอ่อนกว่านี้ผิวคุณจะดูคล้ำขึ้นแต่หากเลือกสีที่เข้มกว่านี้ผิวคุณจะขาว ซีดจนเกินงาม


สาวผิวเข้ม (Dark Skin Tone)
1. สาวผิวเข้มทั้งหลายอย่าน้อยใจว่าจะไม่เข้ากับผมสีบรูเน็ต รู้ไหมว่าสาวผิวเข้มเหมาะมากกับผมสีน้ำตาลแท้ที่เรียกว่าน้ำตาลบริสุทธิ์ไม่ ต้องมีสีอะไรมาเจือปนเลย
2. โทนสีบรูเน็ตที่เข้มกว่าสีน้ำตาลโดยทั่วไปก็เข้ากันได้กับสาวผิวสีเข้มเช่น กัน ลองคิดถึงเนื้อไม้สีน้ำตาลเข้มว่าให้ความรู้สึกอบอุ่นขนาดไหน
3. สีน้ำตาลเซเบิลกับสีน้ำตาลช็อกโกแลตก็เหมาะกับสาวผิวนี้เช่นกัน สีสองเฉดนี้จะช่วยขับให้ผิวเข้มๆ ของคุณดำไม่ด้านทึบ แต่จะช่วยขับให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นได้
4. เพิ่มความเป็นไปได้ในการเล่นสีกับผมให้สนุกยิ่งขึ้น ด้วยการเติมสีทองเหลืองเป็นไฮไลท์ลงไปตามช่อผม จะช่วยให้ผมดูมีมิติและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
5. สาวผิวเข้มพึงระวังกับการใช้สีโทนบรูเน็ตที่อ่อนจนเกินไป เพราะผมสีอ่อนมากจะทำให้ผิวของคุณดูเข้มมากว่าความเป็นจริง ไม่อยากกลายเป็นสาวผิวดำสนิท อย่าริทำผมสีบรูเน็ตเฉดอ่อนเด็ดขาด

ที่มาข้อมูล :
นิตยสาร Hair ฉบับภาษาไทย