วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

ปฏิวัติการแต่งหน้า...บอกลาข้อห้ามสุดเชย

ปฏิวัติการแต่งหน้า...บอกลาข้อห้ามสุดเชย

01 สูตรเก่า :
เครื่องสำอางแบบชิมเมอร์ไม่เหมาะสำหรับกลางวัน (แถมอายุมากกว่า 30 ไม่ควรใช้)

ปฏิวัติใหม่ :
สวยด้วยชิมเมอร์ ทั้งกลางวันยันกลางคืน (แถมสวยได้ทุกวัย อีกต่างหาก!)
เพราะความหรูหราเป็นของควรค่าสำหรับผู้หญิง ที่สำคัญ ชิมเมอร์ยังช่วยทำให้ผู้หญิงอย่างเราๆ ดูสวย แบบลดวัย ปรับผิวให้ดูสดใส และยังทำให้ใบหน้าดูเรืองรองวาววับ น่าจับจ้องอีกต่างหาก นับข้อดีได้ครบสาม ประการเช่นนี้แล้ว เรายังจะรีบปาของดีทิ้งก่อนอายุขึ้นเลข 3 ได้อย่างไร หากแต่เคล็ดลับอยู่ที่การเลือกเฉดสีที่ เหมาะกับสภาพผิว และเลือกเน้นความมันวาวบนใบหน้าไม่เกินสองตำแหน่ง เช่น หากต้องการเน้นดวงตาและ ริมฝีปาก ก็ควรปล่อยให้ พวงแก้มเป็นสีแมทท์ เท่านี้ก็สวยกลางวันยันกลางคืนได้แล้ว


02 สูตรเก่า :
เลือกสีลิปสติกให้เหมาะกับการแต่งหน้าโดยรวม

ปฏิวัติใหม่ :
แม็ทช์สีลิปสติกให้เหมาะกับสีผิว
อย่าเพิ่งด่วนสรุป ว่าการเลือกลิปสติกต้องเลือกเฉพาะเฉดสีที่ชอบ หรือสีที่เข้ากับเครื่องสำอางที่มีอยู่ แต่ เราขอแนะนำให้คุณทำตัวเจ้าเล่ห์นิดๆ โดยการเลือกสีลิปสติกที่เข้ากับสีผิวของคุณจริงๆ เช่น เลือกมาสักหนึ่ง สีที่เข้ากับสีปากของคุณเด๊ะๆ เช่น สีชมพูอมนู้ด และสีแดงกุหลาบที่ ค่อนข้างจะเหมาะกับหลายสีผิว จากนั้น เลือกอีกสักสีที่สว่างกว่าสีผิว (ในหมวดสีเดียวกัน) เพื่อนำไปผสม หรือใช้โดดๆ เพื่อทำให้ใบหน้าดูสว่างขึ้น


03 สูตรเก่า :
นวลเนียนด้วยการใช้ครีมรองพื้น

ปฏิวัติใหม่ :
ใช้ครีมรองพื้นปกปิดเฉพาะตำหนิและรอยแผล
รู้หรือเปล่าว่าครีมรองพื้นนี่ล่ะ คือตัวเร่งการเสื่อมสภาพของผิวหน้า เพราะฉะนั้นจะดีสักแค่ไหน ถ้าปล่อย ให้ผิวหายใจบ้าง และนำเจ้าครีมหนาหนักตัวนี้มาทำหน้าที่ปกปิดจุดด่างดำ และรอยตำหนิต่างๆ บนใบหน้า แบบเฉพาะที่แทน ยกตัวอย่างเช่น แต้มครีมรองพื้นบนบริเวณที่มีรอยแดง เช่น จมูก แก้ม หรือคาง แล้วใช้ฟอง น้ำเกลี่ยไล้ไปทางไรผม จากนั้นใช้แป้งฝุ่นกดซับบนใบหน้าอีกครั้ง แล้วใช้เครื่องสำอางอื่นๆ ตามปกติ แค่นี้ใบ หน้าก็เบาสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องสิวอุดตันอีกต่อไป


04 สูตรเก่า :
วาดลิปไลเนอร์ก่อนลงลิปสติกทุกครั้ง

ปฏิวัติใหม่ :
ใช้ลิปไลเนอร์เฉพาะโอกาสพิเศษก็พอ
จริงอยู่ว่าดินสอเขียนขอบปากจะทำให้รูปปากดูชัดและสวยคมยิ่งขึ้น แต่หากให้นึกดูอีกที ก็ดูออกจะจริง จังในการแต่งหน้ามากไปสักหน่อย ยิ่งเทรนด์สมัยนี้ที่เน้นความสวยแบบธรรมชาติด้วยแล้ว เราจึงขอแนะนำ ให้คุณหยิบใช้เฉพาะวันสำคัญๆ ก็พอ ส่วนในวันธรรมดา ลองมองหาพู่กันปลายแหลมที่สามารถวาดขอบปาก ได้มาแทนที่ แม้จะไม่คมกริบเท่าดินสอ แต่เชื่อเถอะว่าจะทำให้คุณดูเป็นธรรมชาติมากกว่า และหากรอย ลิปสติกจางไปก็ยังสามารถ เติมได้ ไม่ดูน่าขันเหมือนตอนที่เหลือเฉพาะรอยดินสออย่างเดียวสักนิด


05 สูตรเก่า :
เลือกอายแชโดว์ให้เข้ากับสีดวงตา

ปฏิวัติใหม่ :
ยิ่งเป็นอายแชโดว์ ยิ่งต้องตรงกันข้าม
เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะหากยังเลือกสีที่เข้ากับสีตาเด๊ะๆ เช่น ถ้าดวงตาสีดำ หรือน้ำตาลก็เลือกสีเอิร์ธ โทน หรือถ้าดวงตามีสีสัน (ชาวตะวันตก) ก็เลือกสีที่เข้ากับสีตานั้นๆ การเลือกสีแบบนี้จะยิ่งทำให้คุณดูไม่น่า สนใจเข้าไปอีก จึงดีกว่าเป็นไหนๆ หากจะเลือกสีสันที่ตรงกันข้ามกับดวงตาเพื่อให้คุณดูเด่นเด้งขึ้นบ้าง ขอ แนะนำสำหรับสาวไทยที่มีตาสีดำถึงน้ำตาล ในการเลือก สีเขียวมรกต ไปจนถึงสีฟ้าเข้ม เพราะจะช่วยขับสีสัน ให้สดใสมากขึ้นกว่าเก่า (แต่อย่าลืมดูสีผิวตัวเองด้วยล่ะ)


06 สูตรเก่า :
เติมอายแชโดว์หลังการแต่งหน้า

ปฏิวัติใหม่ :
เติมอายแชโดว์เป็นอย่างแรก
เหตุที่ช่างแต่งหน้ามักเติมอายแชโดว์หลังสุด ก็เพราะไม่ต้องการให้สีสันเปรอะเปื้อนใบหน้า และหากผิด พลาดไป ก็ทำให้ต้องลบและลงครีมรองพื้นใหม่อีกครั้ง คำแนะนำจากเราคือลง อายแชโดว์เป็นอย่างแรก โดย เริ่มจากการลงรองพื้นทั่วใบหน้า เติมแป้งฝุ่น แล้วลงสีสันบริเวณ ดวงตาตามที่ต้องการเขียนอายไลเนอร์ และ ปัดมาสคาร่าให้เสร็จสรรพ จากนั้นจึงไล่กลับไปที่การลงคอนซีลเลอร์ ปัดแก้ม และลงลิปสติกตามปรกติ โดย หลีกเลี่ยงบริเวณดวงตา หรือการเติมซ้ำ แค่นี้ก็จะประหยัดเวลา และพลังงานไปได้เยอะ


07 สูตรเก่า :
ใช้แปรงให้เหมาะกับการแต่งหน้า

ปฏิวัติใหม่ :
นิ้วนี่ล่ะ สุดยอดแปรงชั้นดี
ไม่ปฏิเสธค่ะ ว่าแปรงแต่ละประเภทที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อการแต่งหน้า ต่างก็ช่วยให้การเติมเต็มสีสันเป็นไปอย่างง่ายดาย และทำให้การแต่งหน้าดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่ผู้หญิง อย่างเราๆ ใช่ว่าจะแต่งแบบฟูลออพชั่น ประหนึ่งช่างแต่งหน้ามืออาชีพในทุกวันซะที่ไหน การลงทุนเรื่อง อุปกรณ์เสริมจึงควรทุ่มทุนแต่พอเหมาะ ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้นิ้วเรียวๆ ของเราทำหน้าที่นี้ไปเถอะค่ะ เช่น การใช้นิ้วกลางในการเกลี่ยอายแชโดว์สีหลักให้ทั่วเปลือกตา ก่อนที่ จะใช้นิ้วนางทาสีเข้มบริเวณหางตาเพื่อ ลงแสงเงา และใช้นิ้วกลางในการลงไฮไลต์อีกครั้งบริเวณ เปลือกตาที่นูนที่สุด ส่วนการลงลิปกลาสแบบทินท์ การใช้นิ้วแตะเบาๆ ก็ยังช่วยเกลี่ยให้ดู มันวาวได้ดีกว่าการใช้แปรงที่ทำให้ดูขาดมิติ รู้อย่างนี้แล้วก็ช่วย ประหยัดได้เยอะ จริงมั้ย





ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เวบ ladymodern.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น