วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

วิจัยเผย..ผู้หญิงหวังแต่งงานกับผู้ชายฐานะดี-การศึกษาสูง

วิจัยเผย..ผู้หญิงหวังแต่งงานกับผู้ชายฐานะดี-การศึกษาสูง



ผลวิจัยใหม่ชี้ เหตุที่ผู้หญิงไม่ค่อยรับตำแหน่งหน้าที่การงานสูง ๆ นั้น ส่วนหนึ่งเพราะพวกเธอไม่ต้องการลงสนามไปแข่งกับเหล่าผู้ชายเองต่างหาก ขณะที่ความต้องการส่วนลึกในจิตใจของผู้หญิง แท้จริงแล้วอาจเป็นการแต่งงานกับผู้ชายที่มีรายได้ และการศึกษาสูงกว่าพวกเธอ ไม่ใช่การมีโอกาสก้าวหน้าทางการงานเท่าเทียมผู้ชายเหมือนที่กลุ่มสิทธิสตรีกำลังเรียกร้อง

ดร.แคทเธอรีน ฮาคิม นักวิจัยเจ้าเก่าที่คุ้นชื่อกันดีจากงานวิจัยเกี่ยวกับครอบครัว - สตรีหลายชิ้นแห่ง London School of Economics เจ้าของงานวิจัยเปิดเผยว่า แนวคิดที่ว่าผู้หญิงส่วนมากต้องการโอกาสก้าวหน้าทางการงานเพื่อให้ตนเองมีอิสรภาพทางการเงินนั้นเป็นเรื่องไม่จริง ตรงกันข้าม พวกเธอต้องการมีชีวิตครอบครัว และได้แต่งงานกับผู้ชายที่มีการศึกษาดี ๆ และมีรายได้สูงกว่าตนเอง พร้อมกันนั้น นักวิจัยท่านนี้ยังให้ความเห็นว่า เหตุที่ผู้ชายมักครอบครองตำแหน่งดี ๆ ในองค์กรเอาไว้ได้นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ลึก ๆ แล้วผู้หญิงไม่ต้องการเข้าร่วมแข่งขันในสนามนั้น ๆ เองต่างหาก

งานวิจัยชิ้นนี้ได้อ้างอิงข้อมูลของชาวอังกฤษและสเปนในปี 1949 ที่ระบุว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิง แต่งงานกับสามีที่มีการศึกษาดีกว่าพวกเธอ แต่มาในยุค 90 พบว่า เปอร์เซ็นต์ที่ผู้หญิงตัดสินใจแต่งงานด้วยเหตุผลดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 38 เปอร์เซ็นต์ และยังพบว่าในประเทศอื่น ๆ ของยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียก็พบตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

"การได้แต่งงานกับผู้ชายที่มีการศึกษาดี และมีรายได้สูงกว่า เป็นเสมือนทางลัดที่พวกเธอใช้เสริมความมั่นคงให้กับตนเองมากขึ้น"

รายงานวิจัยชิ้นนี้ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า บทบาทที่เท่าเทียมกันในครอบครัวระหว่างสามีภรรยาที่แบ่งหน้าที่เท่า ๆ กัน ทั้งดูแลลูก ทำงาน และทำงานบ้านนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ทุกครอบครัวเห็นพ้อง ดังเช่นที่กลุ่มสตรีนิยมกล่าวอ้าง

"เมื่อภรรยาส่วนมากมีรายได้น้อยกว่าสามี คู่สามีภรรยาจึงมักตัดสินใจร่วมกันให้ภรรยารับบทบาทดูแลงานบ้านส่วนใหญ่" อย่างไรก็ดี รายงานของดร.ท่านนี้ยังระบุด้วยว่า ภรรยาส่วนมากมักไม่ยอมรับออกมาตรง ๆ ว่า ตนเองนั้นพร้อมจะเป็นแม่บ้าน

จากรายงานชิ้นนี้ อาจทำให้กลุ่มผู้หญิงแถวหน้าในบ้านเราอ่านแล้วรู้สึกไม่เห็นด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อดีของการเกิดเป็นผู้หญิงในยุคนี้ตามที่เจ้าของงานวิจัยก็คือ การมองว่าผู้หญิงในปัจจุบันมีทางเลือกมากกว่าผู้ชาย โดยพวกเธอสามารถเลือกได้ว่าจะหันมาให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นหลักหรือทำงานประจำ ขณะที่ผู้ชายกลับไม่มีทางเลือกมากนัก

สาวไทยใจแกร่งอ่านแล้วอย่าเพิ่งโกรธหัวข้องานวิจัย ตรงกันข้าม หากมีความเห็นอย่างไรกับการวิจัยในหัวข้อดังกล่าว ขอเชิญร่วมแลกเปลี่ยน - แบ่งปันประสบการณ์กับผู้อ่านและทีมงานบ้าง ก็จะเป็นสิ่งที่ดีไม่น้อยค่ะ

เรียบเรียงจากเดลิเมล

ที่มา
http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000000552

กิน ยาทราซามิน ฟอกผิวขาวอาจเป็นอัมพฤกษ์ได้

เตือน! กิน ยาทราซามิน ฟอกผิวขาวอาจเป็นอัมพฤกษ์ได้



แฟชั่นผิวขาวกระจ่างใสราวหยวกกล้วย ยังคงอินเทรนด์ในหมู่สาว ๆ ซึ่งปัจจุบันหันมารับประทาน ยาทรานซามิน (Tranzamin) หรือ ยาทราเนซามิค แอซิด (Tranexamic acid) เพื่อฟอกผิวให้ขาว ทดแทน ยากลูต้าไทโอน (Glutathione) ที่ถูกควบคุมการใช้จากกระทรวงสาธารณสุข อีกทั้งยังมีราคาแพง ในขณะที่ ยาทรานซามิน จะมีราคาถูก เห็นผลเร็วกว่า และหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไปนั้น

ล่าสุดนายแพทย์พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ออกมาระบุว่า ยาทราเนซามิค แอซิด ข้อบ่งใช้เพื่อรักษาในผู้ป่วยเลือดออกง่าย ใช้ในการเตรียมผ่าตัดในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มเลือดออกง่าย ไม่มีข้อบ่งใช้ในเรื่องผิวขาวหรือรักษาฝ้า โดยอนุญาตให้นำมาผสมในเครื่องสำอางไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ สำหรับให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนัง ทำให้ผิวหนังกระจ่างใส แต่ไม่ได้ทำให้ผิวขาว อีกทั้งหากผสมเกินที่กำหนดจะถือเป็นเครื่องสำอางปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกโรงเตือนกลุ่มวัยรุ่นหันมานิยมใช้ ยาทรานซามิน โดยระบุว่า ยาทรานซามิน เป็นยาอันตรายที่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ และขายโดยเภสัชกรในร้านขายยาเท่านั้น เนื่องจากใช้ในการห้ามเลือดเป็นหลัก อาจมีผลข้างเคียงทำให้เม็ดสีลดความเข้มลงได้บ้าง ที่สำคัญหากรับประทานอย่างต่อเนื่องจะมีอาการข้างเคียง เช่น วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ที่สำคัญคืออาจทำให้เกิดลิ่มเลือด ซึ่งมีผลทำให้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต หรือไตวายเฉียบพลันได้

รายละเอียดยา Transamin ทรานซามิน

ชื่อสามัญ : Tranexamic acid

ชื่อการค้า : Transamin (capsules) ทรานซามิน แคปซูล

รูปแบบยา : แคปซูล

ยานี้ใช้สำหรับ

•ยานี้ใช้เพื่อป้องกันภาวะเลือดออกอย่างรุนแรง
•ยานี้ใช้เพื่อป้องกันภาวะเลือดไหลไม่หยุดในช่วงการถอนฟัน ในผู้ป่วยฮีโมฟีเลีย
•ยานี้ใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยโรค Hereditary angioneurotic edema

วิธีใช้ยา :

•ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ด ใช้สำหรับรับประทาน โดยรับประทานยานี้ตามที่แพทย์ระบุหรือใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร

สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ :

•การแพ้ยาทรานิซามิค เอซิด (tranexamic acid) หรือแพ้ยาอื่นๆ
•ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้
•เคยมีประวัติโรค Thromboembolic หรือ ภาวะมีลิ่มเลือด
•มีหรือเคยมีภาวะประจำเดือนมาผิดปกติ
•มีหรือเคยมีโรคไต
•การตั้งครรภ์ การวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
•หากต้องทำการผ่าตัดหรือทำการรักษาทางทันตกรรม แจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนว่าใช้ยานี้

ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา :

•โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา :
1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
•มีอาการแพ้ ผื่นคัน บวมตามหน้า ปาก ลิ้น เจ็บหน้าอก ระบบของร่างกายทำงานไม่สัมพันธ์กัน ( loss of co-ordination) พูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่ชัด (slurred speech) เจ็บที่บริเวณต้นขา หรือขา
2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ
•คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
การเก็บรักษายา :

•เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
•เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
•ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ


ที่มา
http://health.kapook.com/view20240.html
http://www.yaandyou.net/

วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554

เตือนภัย ! สาวๆที่ชอบต่อเล็บ




สาวๆ คนไหนชื่นชอบการต่อเล็บเป็นชีวิตจิตใจ ต้องอย่าลืมมองข้ามความปลอดภัย และพึงระวังภัยเงียบที่เกิดจากการต่อเล็บเป็นพิเศษ เอาเป็นว่าไปติดตามกันเลยดีกว่าว่าเจ้าภัยเงียบนี้คืออะไร...


ภัยเงียบที่อาจเกิดขึ้นได้จากการต่อเล็บนั้น เป็นอันตรายที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง เนื่องจากการต่อเล็บนั้นปัจจัยที่สำคัญได้แก่ “กาว” ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้กาวที่ทำด้วยเมธิลเมธาครายเลต ซึ่งมีราคาถูก โดยจะมีลักษณะกลิ่นฉุน และเป็นพิษ อาจจะมีปฏิกิริยากับผิวหนังหรือทำให้เล็บเสียหายถาวรได้



อีกทั้งเมื่อกาวแห้งจะแข็งตัว และมักจะยึดติดกับเล็บจริงอย่างแน่นหนา จึงอาจทำให้เล็บฉีกได้เมื่อจะถอดออก บางครั้งเมื่อถอดเล็บปลอมไม่ออก ถึงกับต้องใช้ตะไบตัดออก ก็ยิ่งทำให้เล็บที่อยู่ข้างใต้เสียหายหนัก ซึ่งจะส่งผลถึงสุขภาพของเล็บได้ นอกจากนั้นกาว ซึ่งเป็นสารเคมีอาจถูกดูดซึมเข้าสู่เล็บ และอาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อราหรือสะสมเชื้อราภายใต้เล็บ



รู้แบบนี้แล้ว เห็นทีสาวๆ ที่รักสวยรักงาม และชื่นชอบการต่อเล็บต้องหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยกันบ้างแล้วล่ะค่ะ...



ที่มา
http://variety.teenee.com/foodforbrain/28459.html

วิธีบรรเทาอาการปวดขาของสาวช็อปปิ้ง




ผู้หญิง กับการช็อปปิ้ง เป็นอะไรที่แยกออกจากกันไม่ได้จริงๆ จะเห็นได้ว่าคุณสาวๆ จะมีความสุขจนลืมทุกอย่างไปเลยเมื่อได้ช็อปปิ้ง ยิ่งช่วงที่มีการลดราคากระหน่ำ หรือมิดไนต์เซลตาม ห้างสรรพสินค้าต่างๆ จนอาจลืมไปว่าร่างกายของเราจะต้องแบกรับน้ำหนักจากข้าวของที่พะรุงพะรังมาก มายแค่ไหน จนเป็นเหตุให้สาวนักช็อปหลายคนเกิดอาการเจ็บปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกายตามมา


นายแพทย์เกรียงไกร เบญจวงศ์เสถียร ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ปัญหาของสาวๆ ที่รักการช็อปปิ้งที่พบมากก็คือ


ปวดกล้ามเนื้อ เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ และ หลังทำงานหนัก เกิดการหดเกร็ง เนื่องจากต้องแบกหรือถือถุงหนักๆ


ปวดข้อมือ ชาตามปลายนิ้ว เนื่องจากการคล้องกระเป๋า หรือถุงต่างๆ บริเวณแขนและข้อมือ ทำให้เส้นประสาท ถูกกดทับ อาจเกิดอาการชาตามปลายนิ้วต่างๆ ได้ บางคนอาจปวดร้าวเหมือนถูกไฟชอร์ตวิ่งอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นมากอาจทำให้มีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้ออุ้งมือได้


เอ็นอักเสบ โดยอาจเป็นที่เอ็นบริเวณข้อหัวไหล่ เอ็นบริเวณ ข้อศอก ปลอกหุ้มเอ็นบริเวณนิ้วอักเสบ และถ้าหิ้วถุงหนักมากๆ อาจทำให้ปลอกหุ้มเอ็นบริเวณนิ้วอักเสบ หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดพังผืด เกิดภาวะนิ้วล็อก (Trigger finger) แต่ถ้าใครรู้ตัวว่ายังไม่สามารถลด ละ เลิก การช็อปปิ้งได้ ก็ควรหาวิธีป้องกันอาการเจ็บปวดเหล่านี้ด้วยตัวเองง่ายๆ คือ


- หลีกเลี่ยงการใช้กระเป๋าใบใหญ่มาก เพราะจะยิ่งเผลอตัวใส่ของมากเกินไป น้ำหนักก็จะมากตามไปด้วย เปลี่ยนมาเป็นกระเป๋าขนาดที่เหมาะสมกับรูปร่างของตัวเองจะดีกว่า


- ใช้บริการฝากของหรือใช้รถเข็นของที่ห้างสรรพสินค้าก็เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ


- เลือกใส่รองเท้าสบายๆ ยามที่เดิน ช็อปปิ้ง


- บริหารข้อนิ้ว ข้อมือ ข้อศอก และไหล่ เพื่อป้องกันการเคล็ดหรือเอ็นอักเสบง่ายๆ เช่น ยืนชิดผนังแล้วใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ทาบและไต่ขึ้น – ลงบนผนัง 10 ครั้ง, หมุนข้อมือเป็นวงกลมซ้าย – ขวา 10 ครั้ง บริหารไหล่ หมุนแขนไปข้างหน้า – หลัง เป็นวงกลม ข้างละ 10 ครั้ง


- หากรู้สึกปวดกล้ามเนื้อมาก ใช้แผ่นประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดบวมใน 1 – 2 วันแรก หลังจากนั้นใช้แผ่นประคบร้อนพร้อมยืดกล้ามเนื้อเบาๆ หรือจะใช้ยานวด หรือรับประทานยาแก้ปวดบรรเทาด้วยก็ได้ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


ที่มา
http://variety.teenee.com/foodforbrain/30834.html

นอนผิดท่า ต้นเหตุใบหน้ามีริ้วรอย


หนุ่มสาวที่เคยประสบปัญหาการตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วพบว่า ใบหน้ามีรอยย่น หรือว่าร่องแก้มด้านหนึ่งมีรอยลึกมากกว่าอีกด้าน อย่ามองเป็นเรื่องปกติ หรือคิดว่า พอล้างหน้าล้างตาแล้วก็หายไป เพราะนี่คือต้นเหตุหนึ่งของการที่ใบหน้าเรามีรอยเหี่ยวย่น

ริ้วรอยที่เกิดขึ้นนี้ มีผลมาจากการนอนในท่าที่มีการกดทับติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมงที่เรียกว่า "สลีฟ ลายน์" จะพบได้มากในคนที่ชอบนอนคว่ำหรือนอนตะแคงจนเคยชิน บางคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าลองสังเกตดีๆ รอยเหี่ยวย่นที่เกิดจากการนอนนั้น จะกลายเป็นรอยเหี่ยวย่นถาวรบนใบหน้าของเราได้ในอนาคต

หากคุณเป็นคนหนึ่งซึ่งประสบปัญหานี้ให้ลองฝึกนอนหงายให้เคยชินดู เพราะการนอนหลับในท่านอนหงายจะดีที่สุดสำหรับผิวหน้าของเรา.



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วิธีทำให้ขาเรียว เล็ก สวย !




วันนี้เรามีวิธีทําให้ขาเรียว เล็ก สวย มาฝากกันค่ะ คุณผู้หญิงที่อยากจะให้ขาเรียว เล็ก สวย ต้องมาปฏิบัติ วิธีทําให้ขาเรียว เล็ก สวย ของเรากันเลยดีกว่าค่ะ เป็น วิธีทําให้ขาเรียว เล็ก สวย แบบง่าย ๆ เพียงแค่คุณนั้นสละเวลาเพียงแค่เล็กน้อยแล้วหันมาทำการออกกำลังด้วย วิธีทำให้ขาเรียว เล็ก สวย ที่เรากำลังจะบอกต่อไปนี้เท่านั้น เพียงแค่คุณตั้งใจรับรองว่า วิธีทำให้ขาเรียว เล็ก สวย นี้ช่วยคุณได้อย่างแน่นอนค่ะ ใครอยากมีขาเรียว เล็ก สวย ก็มาฝึกปฏิบัติกันเลยค่ะ

5 วิธีทำให้ขาเรียว เล็ก สวย

1. ท่าบริหารบั้นท้าย : เป้าหมายคือขาอ่อนส่วนหน้าและกำจัดบั้นท้ายหนาโดยออกกำลังกล้ามเนื้อที่ก้น

วิธีทำ : ยืนแยกขา งอเข่าเล็กน้อย หลังตรง มือเท้าสะเอว งอเข่าทำมุมเก้าสิบองศาแล้วเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยจนตัวค้อมลงมาหาขาอ่อน ส้นเท้าแนบพื้นลดตัวลงไปกระทั่งก้นอยู่ในระดับเดียวกับเข่า เกร็งไว้หนึ่งวินาทีจากนั้นค่อย ๆ หวนกลับมาท่ายืนทำซ้ำ 20 ครั้ง

2. ท่ายืดเส้นสายขาอ่อน : เป็นท่าทำยากแต่ถ้าอยากให้กล้ามเนื้อขาอ่อนหน้าขาและหลังขาแข็งแรงก็คุ้มค่าน่าทำ

วิธีทำ : ยืนตรงยื่นขาหนึ่งไปข้างหน้า ตัวตรง หน้าท้องแขม่ว งอเข่าลงทิ้งน้ำหนักที่ส้นเท้าเพื่อใช้งานกล้ามเนื้อสะโพก เกร็งไว้หนึ่งวินาทีแล้วค่อย ๆ กลับท่าเดิมทำซ้ำ 15 ครั้ง จากนั้นทำกับขาอีกข้าง 15 ครั้งเช่นกัน

3. ขาอ่อนปราดเปรียว : เป็นท่าที่เหมาะสำหรับออกกำลังขาอ่อนด้านใน

วิธีทำ : นอนตะแคงซ้าย งอเข่าขวาพาดพื้น ขาซ้ายตรง ค่อย ๆ ยกขาซ้ายขึ้น เกร็งไว้หนึ่งวินาทีแล้วยกลงทำซ้ำ 15 - 20 ครั้ง แล้วสลับกับขาอีกข้าง

4. ออกกำลังขาอ่อนส่วนนอก : ท่านี้เน้นที่ขาอ่อนด้านนอกเพื่อให้แข็งแรงได้รูป

วิธีทำ : นอนตะแคงข้าง งอเข่าขวาเล็กน้อย มือขวารองรับศรีษะไว้ ขาซ้ายเหยียดตรงแล้วค่อย ๆ ยกขึ้น เกร็งไว้หนึ่งวินาทีแล้วลดลงทำซ้ำ 15 - 20 ครั้ง จากนั้นสลับทำกับอีกข้าง

5. ขาอ่อนเรียว : เตรียมตัวให้ดีสำหรับท่านี้ซึ่งจะออกกำลังขาอ่อนด้านในและนอกสุด ๆ

วิธีทำ : ยืนตรงแยกขา มือเท้าสะเอว ย่อเข่าขวาลงแล้วก้าวเท้าออกมาข้างหน้ากระทั่งขาอ่อนขวาขนานกับพื้น อย่าให้เข่ายื่นเลยข้อเท้าขวา ค่อย ๆ รั้งเท้าซ้ายกลับกดแนบพื้นเพื่อสร้างแรงต้านกระทั่งเท้ามาคู่กันและกลับสู่ท่าเดิม ทำซ้ำกับขาซ้าย ทำข้างละ 15 - 20 ครั้ง

หมายเหตุ : ให้ทำวันละสองครั้ง (เช้าและเย็น)

ไม่ยากเลยใช่ไหมคะเพียงแค่คุณเจียดเวลาให้กับการออกกำลังกายบ้าง ไม่ใช่เพื่อแค่ขาเรียวเล็กที่สวยงามอย่างเดียว แต่ยังได้ในเรื่องของสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วยค่ะ