วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เขย่ง-เกร็ง-กาม จากรัดเท้าถึงส้นสูง อุบายสวาทกระชับคูหาสวรรค์!

เขย่ง-เกร็ง-กาม จากรัดเท้าถึงส้นสูง อุบายสวาทกระชับคูหาสวรรค์!

แต่ไหนแต่ไรมา สตรีใดมีรูปร่างสัดส่วนเย้ายวนใจเพศตรงข้าม มักถือว่า โชคดีมีรูปเป็นทรัพย์ สมัยก่อนความเย้ายวนนี้ มีทางแก้ไขได้น้อย แต่ปัจจุบันสถานศัลยกรรมปรับโฉมปรุงสวยมีมากมายให้เลือก

สรีระของผู้หญิงสามารถแก้ไขได้ทุกสัดส่วน ทำได้ทั้งตัวว่างั้นเถอะ แต่ยังคงมีในส่วนเดียว ที่ทุกวันนี้ยังคงมีปัญหาทางเทคนิคที่ไม่สมบูรณ์ จุดที่ว่าตรงนั้นคือ คูหาสวาท

ย้อนยุคข้ามประเทศไปจีนโบราณ เริ่มตั้งแต่ จักรพรรดิลี่หยู แห่งราชวงศ์ถัง หลงใหลนางสนมนาม เย่าเหนียง ที่เต้นระบำได้งดงาม จึงบัญชาให้รัดเท้าด้วยแถบผ้า

ก่อกำเนิดประเพณีรัดเท้าของสาวจีน นับแต่นั้นเป็นต้นมา

สาวจีนสูงศักดิ์ผู้ลากมากดี จึงถูกบังคับในตระกูลให้รัดเท้าตั้งแต่อายุ 4-5 ขวบ ด้วยเกิดคตินิยมว่า ดรุณีใดมีเท้าเล็กเหมือนดอกบัว มีค่าควรที่จะได้เป็นฮูหยิน นางสนม หรือฮองเฮา อย่างมิต้องสงสัย

นิยมถึงขั้นว่า ถ้าเท้ายิ่งเล็กยิ่งเยี่ยม เล็กแค่ 3 นิ้วเรียก “ดอกบัวทอง” 4 นิ้วเรียก “ดอกบัวเงิน” เกิน 4 นิ้วเรียก “ดอกบัวเหล็ก”

หากไม่รัดเท้าหรือเท้าโตกว่านี้ หนีไม่พ้นต้องขึ้นคานสถานเดียว โดดเดี่ยวตลอดไป

ว่ากันว่าอุบายนี้ เป็นแผนของฮ่องเต้ ที่ต้องการไม่ให้นางสนมเร้นหนีเดินเหินออกนอกวังได้ง่าย เพราะเท้าที่แสนเล็กย่อมต้องทำให้เดินกระย่องกระแย่ง แบบคนพิการ ไปไหนลำบาก





นั่นเป็นระดับตื้นครับ ระดับลึกที่แท้จริงเบื้องหลังประเพณีก็คือ เป็นอุบายทางกามอันแยบยลของชายโดยแท้ หากลองมาพิศดูร่างกายของหญิง จะพบว่าต้นขาทั้งสองตรงหว่างกลางนั้นเป็นจุดเนินสวรรค์ ซึ่งเพศชายกระสันฝันหายิ่งนัก

ที่ตั้งของอวัยวะส่วนนั้น แน่นอนว่า กล้ามเนื้อต้นขามีส่วนกำหนดเป็นอย่างยิ่ง จะพบว่า หากลองเขย่งเท้าเดินดู กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นทั้งหมด มักจะจะตึงเกร็งไปถึงต้นขาโดยอัตโนมัติ

นี่คือ อุบายสวาทของนักเพศศาสตร์จีนคิดค้นขึ้น การเดินเขย่งเกร็งกอยมาแต่วัยเด็ก ย่อมเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ต่อเนื่องกันแน่นตึง เหมือนนักกีฬาเล่นกล้ามไม่ต่างกัน

และจุดยุทธศาสตร์รักของหญิงแห่งนั้น ย่อมอวบพีแน่นหนั่น อันเป็นคุณสมบัติทางสรีระที่ชายผู้เชี่ยวกามพึงประสงค์ในคุณภาพทางเพศ

ประเพณีเร้นรักอันนี้ยืนยาวมาหลายสมัยนับเป็นศตวรรษ ที่ดรุณีจีนต้องทนอยู่ในความลำบาก ชนิดมีสำนวนจีนกล่าวว่า

“รัดเท้าแต่เด็ก โตขึ้นน้ำตาเล็ดเต็มตุ่ม” เพียงแค่สนองคุณภาพทางเนื้อหนัง เพื่อสร้างความหฤหรรษาทางกามกรีฑาของชายโดยแท้

ชายทุกคนล้วนต้องการสาวตึงเปรี๊ยะเนื้อแน่นหนั่นในความใฝ่ฝันทั้งสิ้น

กลับมาปัจจุบัน การเดินเขย่งบนรองเท้าส้นสูง นับว่ามีส่วนใกล้เคียงกัน เพียงแต่สาวๆ ยุคใหม่จะใส่ส้นสูงต่อเมื่อโตพอสมควรแล้ว และไม่ได้ใส่ทุกเวลา ยามสบายๆ ก็ไม่ยอมทนเมื่อยน่อง จนตะคริวแทบกิน แถมซ้ำยังเสี่ยงน่องโป่ง หรือเส้นเลือดขอดอีกด้วย มันจึงไม่ค่อยได้ผลสมบูรณ์เหมือนสาวจีนรัดเท้าโบราณ ที่สำคัญ สาวปัจจุบันใส่ส้นสูงเพราะแฟชั่น ดีไซน์สวย เหมาะสมตามอาชีพการงาน และเพื่อให้ขาดูเรียวงาม เสริมบุคลิก

ถ้าประเด็นเรื่องกระชับเนินสวาท จะเน้นไปทางเคล็ดลับย่นย่อเทรนด์นิยมยุคนี้ นั่นก็คือ การฝึกขมิบให้เป็นกิจวัตร ซึ่งทำได้ตลอดเวลา ทุกที่ ทุกโอกาส

การขมิบจึงเป็นกลายเรื่องไม่ลับของที่เร้นลับที่สาวสมัยใหม่ บอกกล่าวถ่ายทอดเทคนิคฮาวทูร่วมสมัย โดยได้ยินกันอยู่ ได้รู้กันดี

แต่บางอาชีพของสาวๆ ที่น่าเพ่งเล็งของชายชอบรัก เห็นจะเป็นประเภทนางแบบ นักบัลเล่ต์ หรือนักยิมนาสติก

เพราะที่ว่ามานี้ล้วนเขย่งเกร็งกอยกันเป็นนิจ อาจจะทำให้คุณสมบัติพิเศษนี้ได้รับการดูแลรักษา เป็นเสน่ห์ทางเพศ ที่มีแรงดึงดูดอันฉมัง สำหรับรักร้อนซ่อนเร้น มัดใจคู่รักคู่เคียงได้ชะงัดดี นอกจากรูปร่างที่เย้ายวนแล้ว

ที่มา
ผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อย่า.(ทำอย่างนี้)....กับคน 1 คน



การที่เราจะคบหา หรือรู้จักใครสักคน ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม

สิ่งหนึ่งที่ควรท่อง ควรจำไว้อยู่เสมอก็คือ "คน" เป็นสิ่งมีชีวิต
ที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบ อยู่ในนั้น


อย่าตั้งใจกับคน 1 คนมากเกินไป
เพราะไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว


อย่าคาดหวังกับ คน 1 คนมากเกินไป
เพราะไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่าง ที่ทุกคนอยากให้เป็น


อย่าให้เวลากับคน 1 คนมากเกินไป
เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีช่วงเวลาของความเป็นส่วนตัว. . . คนเดียว ....


อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคน 1 คนมากเกินไป
เพราะนั่นจะทำให้เค้าไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง


อย่าควบคุมชีวิตคน 1 คนมากเกินไป
เพราะมนุษย์มักจะหาวิธีการแทรกตัว เพื่อออกมาจากกฎที่ถูกกำหนด


อย่าบีบบังคับคน 1 คนมากไปกว่านี้

เพราะถ้าคนๆนั้น หลุดจากภาวะบีบบังคับมาได้
คุณจะกลายเป็นคนที่ถูกหันหลังให้ในทันที


เธอ... ลองมองดูฉันดีๆ ฉันมีลมหายใจ
ไม่ใช่ภาพวาด ที่จะสวยงามอยู่ตลอดเวลา
ฉันเองก็เป็น " คน" เป็นสิ่งมีชีวิตที่มี 2 ด้าน... เช่นกัน


...อยากรู้จักใครสักคน ต้องหัดเรียนรู้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง...

ที่มา
http://variety.teenee.com/foodforbrain/28057.html

สวมรองเท้าส้นสูงบ่อยๆ ทำกล้ามเนื้อน่องหดสั้น

สวมรองเท้าส้นสูงบ่อยๆ ทำกล้ามเนื้อน่องหดสั้น



ภาพสแกนเท้าสาวๆ ที่ใส่ส้นสูง (บีบีซีนิวส์)



แม้จะช่วยเสริมให้ดูเซ็กซี่แต่ “รองเท้าส้นสูง” กลับสร้างปัญหาให้สาวๆ ต้องเจ็บปวดทรมานเมื่อกลับมาใส่รองเท้าส้นเตี้ย ซึ่งนักวิจัยอังกฤษพบคำตอบว่า เมื่อสวมรองเท้าส้นสูงบ่อยๆ จะทำให้กล้ามเนื้อน่องหดสั้นลงมากกว่าคนที่ไม่สวมรองเท้าส้นสูงถึง 13%

จากการสำรวจกล้ามเนื้อน่องของกลุ่มผู้สวมรองเท้าส้นสูงบ่อยๆ พบว่า กล้ามเนื้อของกลุ่มตัวอย่างนี้หดสั้นโดยเฉลี่ย 13% เมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าส้นสูง งานวิจัยที่ได้เผยแพร่ลงวารสารเอกซ์เพอริเมนทัลไบโอโลจี (Experimental Biology) นี้ พบด้วยว่ารองเท้าส้นสูงทำให้เอ็นในน่องแข็งมากขึ้น

สำหรับปัญหาดังกล่าวบีบีซีนิวส์ระบุว่าผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ออกกำลังยืดเส้นซึ่งจะช่วยต้านผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการสวมรองเท้าส้นสูงซึ่งมีการพูดถึงกันมานานว่าการสวมรองเท้าประเภทนี้จะทำให้กล้ามเนื้อสั้นลง

ศ.มาร์โค นาริซิ (Prof. Marco Narici) ซึ่งเป็นผู้นำในการศึกษาครั้งนี้จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์เมโทรโพลิแทน (Manchester Metropolitan University) สหราชอาณาจักร กล่าวว่า ในช่วงปี 1950 นั้นเลขานุการที่สวมรองเท้าส้นสูงต่างบ่นคล้ายๆ กันว่าพวกเธอเดินด้วยเท้าเปล่าได้ลำบากเมื่อถอดรองเท้าส้นสูงออก แต่ไม่มีใครเลยที่ศึกษาอย่างจริงจังว่าเกิดอะไรขึ้นกับกล้ามเนื้อ

ในการทดลองนี้ทีมวิจัยได้คัดเลือกอาสาสมัคร 11 คนจากกลุ่มตัวอย่างผู้หญิง 80 คน ซึ่งอาสาสมัครที่เลือกนั้นสวมใส่รองเท้าที่มีส้นสูง 5 เซนติเมตรอยู่เป็นประจำมานาน 2 ปีหรือมากกว่า และเป็นผู้ที่รู้สึกลำบากเมื่อเดินเท้าราบตามปกติ

จากการสแกนด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) ไม่พบความแตกต่างของขนาดกล้ามเนื้อน่องระหว่างกลุ่มผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงและกลุ่มผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นเตี้ย แต่จากการสแกนด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์เผยให้เห็นว่าเส้นใยกล้ามเนื้อน่องของผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงนั้นสั้นกว่าผู้หญิงที่ไม่สวม

เมื่อทีมวิจัยขอให้อาสาสมัครนอนบนเก้าอี้นอน พวกเขาสังเกตว่ายิ่งกล้ามเนื้อน้องของผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงอยู่เป็นประจำนั้นยิ่งหดสั้น มุมตรงส้นเท้าของพวกเธอก็ยิ่งกว้างขึ้นเช่นกัน และในการศึกษาส่วนสุดท้ายทีมวิจัยพบอีกว่าผู้ที่สวมรองเท้าส้นสูงนั้นจะมีกล้ามเนื้อน่องที่หนาและสั้นกว่าคนที่สวมรองเท้าส้นเตี้ย

ศ.นาริซิกล่าวว่า นั่นเป็นสาเหตุให้เดินด้วยเท้าราบไม่สะดวก เพราะเส้นเอ็นไม่สามารถยืดได้เต็มที่ แต่เขาก็ไม่คิดว่าผู้หญิงควรจะยอมแพ้ต่อการสวมรองเท้าส้นสูง

“แฟชันเป็นสิ่งที่ตั้งใจทำให้รู้สึกไม่สบายอยู่แล้ว และไม่มีผู้หญิงคนไหนในการศึกษาครั้งนี้ยอมแพ้ที่จะสวมรองเท้าส้นสูงเลย เราต้องการที่จะให้คำแนะนำในการปฏิบัติ และผมจะแนะนำเพียงการออกกำลังยืดเส้นยืดสายเพื่อลดผลกระทบบางอย่างจากการเปลี่ยนแปลงนี้” ศ.นาริซิกล่าวพร้อมแนะนำว่ามีหนึ่งเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้สวมรองเท้าส้นสุง นั่นคือการเดินด้วยปลายเท้าและใช้ราวจับเพื่อทรงตัวระหว่างยกตัวด้วยส้นเท้าให้มากเท่าที่จะทำได้ก่อนจะยืนขึ้นอีกครั้ง

แซมมี มาร์โก (Sammy Margo) นักกายภาพบำบัดและโฆษกสมาคมกายภาพบำบัดชาร์เตอร์ด (Chartered Society of Physiotherapy) กล่าวว่าการศึกษานี้ได้ย้อนกลับไปค้นสิ่งที่พวกเขาสงสัย และคำแนะนำที่จะให้แก่สาวๆ ไม่ใช่ให้สวมรองเท้าส้นเตี้ยตลอดเวลา แต่ให้สวมรองเท้าที่มีความสูงของส้นที่หลากหลาย เพื่อให้กล้ามเนื้อน่องได้ทำงานผ่านการเคลื่อนที่ที่หลากหลาย แต่เขาเองไม่อาจพูดได้ว่าพบปัญหากล้ามเนื้อน่องมากขึ้นในผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูง




ที่มา
ผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อันตราย!!.....ภัยร้ายจากโบรชัวร์แจกฟรี

อันตรายจากเรื่องที่เราคิดว่าไม่น่าจะมี..เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็วางใจไม่ได้เนาะ

อ่านไว้เตือนตนเองและคนที่เรารัก เป็นอุทาหรณ์

กันไว้ดีกว่าแก้ครับ

อันตราย!!.....ภัยร้ายจากโบรชัวร์แจกฟรี

คนมาแจกโบรชัวร์ก็ต้องระวังนะเรื่องคนเอาเอกสารหรือโบร์ชัวร์มาแจกตามห้างก็น่ากลัวนะ ต้องระวังด้วย เมื่อก่อนก็จะรับๆ ไว้เพราะสงสารคนแจก แต่ไม่กี่เดือนนี่เองน้องที่ทำงานเก่าเพิ่งโดนไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

เรื่องก็คือเค้าจะไปซื้อของใช้เข้าบ้าน ไปกันสามคน พ่อ แม่ ลูก ตัวน้องผู้หญิงเข้าไปซื้อของใช้และให้สามีพาลูกไปรอ และไปเล่นที่บ้านบอล พอเค้าซื้อของเสร็จมาหาสามีที่บ้านบอล มองหาลูกในบ้านบอลก็ไม่มีแล้ว สามีก็นั่งอยู่ที่หน้าบ้านบอลที่เดิม เรียกอยู่สักพักถึงจะรู้สึกตัว สามีรู้สึกตัวก็ตกใจมากที่รู้ว่าลูกหายไปแล้ว

เค้าบอกว่า ขณะนั่งดูลูกเล่นอยู่ดีๆ ก็มีคนเดินเข้ามาแจกโบรชัวร์ให้อ่าน ก็เลยรับไว้แล้วพอเปิดปุ๊ป ก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลยมารู้ตอนที่ภรรยามาเรียกนี่แหละ เค้าหากันให้ทั่วห้างเลยแหละ แต่เป็นโชคดีของครอบครัวนี้มากๆ เพราะก่อนที่จะเข้าไปซื้อของเค้าแวะซื้อขนมไทยตรงทางเข้าห้าง แล้วแม่ค้าขนมก็จำครอบครัวนี้ได้ แม่ค้าเล่าว่าเด็กออกมากับผู้ชายคนนึง แต่เด็กร้องไห้เสียงดังลั่นเลย ก็เลยเป็นที่สังเกตแม่ค้าก็เลยเรียกไว้แล้วถามหาพ่อแม่เด็ก ระหว่างนั้นคนร้ายก็เลยชิงหนีไป... คิดดูสิ ถ้าแม่ค้าจำเด็กไม่ได้ หรือถ้าคนร้ายมันทำให้เด็กหมดสติแล้วทำทีเป็นเด็กหลับแล้วอุ้มไปล่ะ

ไม่อยากคิดเลยว่าตอนนี้ครอบครัวนี้จะเป็นยังไง ตอนนี้น้องที่ทำงานเก่าที่เป็นแม่เด็กยังขวัญผวาไม่หายเลย กลัวไปหมด โชคดีมากๆ บุญช่วยจริงๆ

อีกกรณีหนึ่ง

อันตราย!...อย่ารับของจากคนแปลกหน้า

นอกจากยาป้ายแล้วยังมียาอีกชนิดหนึ่งที่เพื่อนเราเคยเกือบโดนบนรถเมล์สาย 47 ตอนนั้นเขานั่งรถเมล์อยู่คนเดียวกำลังจะกลับบ้าน แล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีผู้ชายมองอยู่ข้างหลังสองสามคน พอถึงป้ายราชดำเนินก็มีผู้ชายหนึ่งในนั้นเดินมาหาเค้าแล้วยื่นกระดาษที่พับไว้แผ่นนึงให้เค้า แต่เค้าไม่ได้รับ เพราะปกติเป็นคนขี้ระแวงอยู่แล้ว

แต่ชายคนนั้นก็คะยั้นคะยอให้เค้ารับให้ได้ แต่เค้าก็ไม่ยอมรับอยู่ดี คนกลุ่มนั้นเลยรีบลงจากรถพร้อมกับมองขึ้นมาที่เค้าด้วยท่าทีหงุดหงิด

พอกลับถึงบ้านเพื่อนเราก็เล่าให้พ่อแม่ฟังถึงเหตุการณ์ที่ได้เจอมา พ่อเค้าตกใจมาก เพราะเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับคนแถวบ้านแล้ว พ่อเค้าเล่าว่า เพื่อนบ้านที่เจอเหตุการณ์นี้ พอรับกระดาษแผ่นนั้นมาเปิดดูก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย มารู้ตัวอีกทีก็ยืนอยู่ที่สนามหลวงแล้ว แต่ไม่มีของอะไรติดตัวเลย ทั้งกระเป๋าสตางค์ สร้อยคอ ทุกอย่างหายหมด แต่ไปแจ้งความก็ทำอะไรใครไม่ได้

สรุปว่านั่นคือยามึนอีกชนิดนึง มีลักษณะเป็นผงๆ เมื่อเปิดมามันก็จะฟุ้งทันที ใครโดนยานี้เข้าไปอาการจะคล้ายๆยาป้าย ยังไงก็ระวังตัวกันหน่อยนะ ภัยอันตรายอีกรูปแบบหนึ่ง



ที่มา
- http://women.sanook.com/อันตราย.....ภัยร้ายจากโบรชัวร์แจกฟรี-924137.html
- http://women.sanook.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2...%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-921846.html

"ตกขาว" สัญญาณสุขภาพที่สังเกตได้

"ตกขาว" สัญญาณสุขภาพที่สังเกตได้


เอ๋..อะไรเนี่ยทำไม มีมูกใสๆไหลออกมาจากช่องคลอดล่ะ เราเป็นอะไรหรือเปล่านะ หรือว่าเราเป็นโรคกันแน่เนี่ย!! อ่ะๆ สาวๆ อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ รู้ไว้เลยว่านั่นคือ "ตกขาว" ไม่ใช่ สิ่งที่น่ารังเกียจอย่างที่คิดนะคะ แต่เป็นสัญญาณสุขภาพผู้หญิงที่เพื่อนๆ สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง......

Q : ตกขาวคืออะไร

A : เป็นของเหลวไหลออกมาจากช่องคลอด อาจมีลักษณะมูกใส สีขาวขุ่น หรือสีเหลืองอ่อนก็เป็นได้ค่ะ จะว่าไปแล้วผู้หญิงกับตกขาวเป็นของคู่กัน เพราะตกขาวเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ไม่ได้หมายถึง การเป็นโรคหรือเป็นมะเร็ง หรือผิดปกติแต่อย่างใด แต่เป็นสัญญาณสุขภาพทางเพศ สุขอนามัยส่วนตัว ทั้งนี้ตกขาวอาจเป็นปกติ หรือไม่ปกติก็ได้ บางช่วงเวลาอาจมีปริมาณมากขึ้นเล็กน้อยและมีลักษณะลื่นใส เช่น ช่วงก่อนและหลังมีรอบเดือน ช่วงไข่ตก หรือในภาวะตั้งท้อง

Q : สุขภาพทางเพศของผู้หญิงสังเกตจากตกขาวได้อย่างไร

A : เมื่อเพื่อนๆ มีอาการตกขาวเป็นน้ำหล่อลื่นไหลออกมาจากช่องคลอด นั่นแสดงถึงสุขอนามัยส่วนตัวมีภาวะสมดุลและสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ค่ะ นอกจากนี้ตกขาวยังช่วยให้รู้ได้ว่าระบบสืบพันธ์ภายในของผู้หญิงนั้นเกิดการ ติดเชื้อหรือไม่ โดยสาวๆ สังเกตได้จากสี กลิ่นของตกขาว ตลอดจนอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น คัน ปวดเจ็บช่องคลอด ปวดท้องรุนแรง มีไข้ เป็นต้น แน่นอนว่าถ้าเป็นอาการตกขาวปกติ สีจะไม่เปลี่ยน ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีเศษเนื้อเยื่อเจือปนหรือเป็นฟองค่ะ

Q : ถ้าตกขาวเปลี่ยนสีแสดงให้เรารู้ว่า...

A : ถ้าวันดีคืนดีเรามีตกขาวผิดปกติ ซึ่งบางคนอาจมีตกขาวขุ่นข้นเป็นครีม ขณะที่บางคนอาจมีสีเทาอ่อน สีเขียวขุ่น และมีกลิ่นเหม็น มีอาการผิดปกติร่วมด้วยแสดงว่ามีการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ควรไปพบคุณหมอ ค่ะ โดยคู่มือรู้จักตัวเองหรือยัง?ของแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สรุปสาเหตุการติดเชื้อดังกล่าวเกิดได้จาก การติดเชื้อภายใน การติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ และการติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์

Q : น้องจิ๋มผู้หญิงมักติดเชื้ออะไรบ้างนะ

A : สุขอนามัยทางเพศของผู้หญิงมักติดเชื้อราแคนดิด้าที่ช่องคลอด ซึ่งเจ้าเชื้อพวกนี้ปะปนกับแบคทีเรียชนิดดีที่อยู่ในร่างกายของเราชื่อแลคโต บาซิลัส คอยคุมเชื้อราไม่ให้ทำร้ายช่องคลอด ส่งผลให้เกิดการอักเสบบริเวณจุดซ้อนเร้นเพราะแบคทีเรียมีจำนวนมาก หรือแม้แต่การเป็นพยาธิ ที่เป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย


เพียงแต่ผู้ชายเป็นแล้วไม่มีค่อยอาการ ขณะที่ผู้หญิงเมื่อได้รับเชื้อจากคู่จะมีอาการตกขาวมีกลิ่นเหม็นและเปลี่ยน สี มีอาการคันแสบระคายเคืองเวลาปัสสาวะ เท่านั้นยังไม่พอผู้หญิงยังเสี่ยงติดเชื้อหนองในได้อีกจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกัน หรือการสัมผัสเชื้อหนอในโดยตรง อาการเหล่านี้หากเกินที่จะดูแลตัวเองได้ควรไปพบแพย์โดยเร็วเพื่อทำการรักษา แต่หากเพียงคันหรือมีการระคายเคืองเพราะใช้น้ำยาล้างจุดซ้อนเร้น ควรหยุดใช้แล้วหันมาใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาดแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่เพื่อนๆ สามารถดูแลตัวเองได้ในเบื้องต้นค่ะ


Q : เวลารู้สึกคันที่บริเวณอวัยวะเพศเพราะเหตุใดแล้ว ควรดูแลสุขภาพน้องจิ๋มอย่างไรดี

A : อาการคันบริเวณจุดซ้อนเร้นอาจเกิดจากการระคายเคืองหรืออาจติดเชื้อในระบบสืบ พันธ์ ไม่ได้แสดงว่าเราเป็นผู้หญิงไม่ดีนะคะ แต่เพราะผู้หญิงเรามักไม่ถูกสอนให้รู้จัก ‘จิ๋ม' จึงไม่รู้ว่าควรดูแลตัวเองอย่างไร วันนี้มี 7 วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากการติดเชื้อมาฝากกันค่ะ


1. ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศ สัมพันธ์
2. ปัสสาวะทุกครั้งทั้งก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์
3. ล้างอวัยวะเพศภายนอกทุกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์
4. ไม่สวนล้างช่องคลอด เพราะการสวนล้างช่องคลอดจะไปทำลายน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติที่มีประโยชน์
5. ไม่ใช้สมุนไพรที่ทำให้ช่องคลอดแห้ง เพราะจะทำให้ระคายเคืองได้ง่ายในขณะมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายไปด้วย
6. ไม่ใส่กางเกงที่รัดหรือคับจนเกินไป เพราะจะทำให้บริเวณอวัยวะเพศอับชื้นและเสียดสีกับกางเกง
7. ตากชุดชั้นในในที่โล่งแจ้ง โดนแสงแดดเพื่อฆ่าเชื้อ อย่าตากในห้องน้ำหรือใต้ชายคา

ที่มา : talkaboutsex