วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สุดยอดนิสัยขี้… ของผู้หญิง ที่ผู้ชายหน่ายหนี

สุดยอดนิสัยขี้… ของผู้หญิง ที่ผู้ชายหน่ายหนี



ด้วยนิสัยผู้หญิงมักจู้จี้จุกจิก คิดเล็กคิดน้อย เจ้านิสัยขี้งอน ขี้ใจน้อย ขี้หึง ขี้หวง ขี้โมโห ขี้วีน ขี้ฉุนเฉียว ฯลฯ เหล่านี้ผู้ชายเขาพอเข้าใจได้ พอมีบ้างเป็นน้ำจิ้มในชีวิตคู่ ก็อาจทำให้ชีวิตรักระหว่างคุณกับเขามีสีสันบ้าง (แต่อย่าเยอะเกิน ขอเตือน!)

ทว่านิสัยขี้…อีกบางประเภทนี่สิ ที่ผู้ชายเขาพูดขึ้นมาเลยว่าสุดทนจริงๆ หากคุณสาวๆ ทำบ่อยๆ ซ้ำๆ ซากๆ ใส่พวกเขา มันอาจสะสมจนเป็นแรงผลักดันให้ผู้ชายข้างกายเผ่นออกจากชีวิตคุณไปเลย

* ขี้บ่น เสียดสีประชดประชัน

“บ่นมาก มันน่าเบื่อ”

ผู้ชายคนหนึ่งเม้าท์อดีตภรรยาให้ฟังว่า

“ให้เป็นเมียนะครับ ไม่ใช่แม่”

เขาเล่าให้ฟังสมัยเป็นแฟน ไม่เห็น Ms.Ex คนนี้ขี้บ่นเลย แต่พอแต่งงานไปไม่นาน เขาขับรถผิดเส้นทางหน่อย ลืมมือถือ ลืมกุญแจบ้าน ภรรเมียก็บ่นแล้ว บ่นตั้งแต่เรื่องเล็กยันเรื่องใหญ่

“ปกติแม่ของผมก็ขี้บ่นครับ แต่นั่นคือ ‘แม่’ ผมทนได้ แต่กรณีเมีย ผมก็มานั่งคิด-ทำไมต้องทนด้วยวะ”

จุฑามาศ ณ สงขลา เขียนในหนังสือ สมาธิ 5 นาที ชีวิตดีตลอดไป อธิบายนิสัยขี้บ่นของผู้หญิงว่า มาจากสมองซีกขวารับเอาความรู้สึกหลากหลายและข้อมูลมากมายเข้าไว้ในตัวเอง ข้อมูลที่เป็นอารมณ์ความรู้สึกมันจะถูกคั่งค้างในสมองซีกขวาของผู้หญิง และมันจะถูกระบายออกก็ด้วยการบ่น รวมไปถึงการประชดประชัน กระทบกระเทียบ กระแนะกระแหน

“นั่นเป็นเพราะเธอว่าเรียงลำดับมันไม่ถูก คนที่อยู่ใกล้และคนที่เธอรักใคร่ใกล้ชิดนี่แหล่ะจะเป็นคนที่เธอสามารถบ่นๆๆๆ ว่าๆๆๆ หรือพูดจาชวนหาเรื่องได้ง่ายกว่าคนอื่น”

ซึ่งความเคยชินนี่แหล่ะมันน่าเบื่อน่ารำคาญสำหรับผู้ชาย คุณผู้หญิงหลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่ทะเลาะเบาะแว้งตบตีกันสักหน่อย ขอโทษค่ะ คุณคิดผิด!

ถ้อยคำบ่นพร่ำเพรื่อ ตลอดจนคำพูดเสียดสีกระแนะกระแหนประชดประชัน ล้วนบั่นทอนกำลังใจคนที่ได้ยิน สามารถสะสมเป็นความโกรธ ความไม่พอใจ ก่อให้เกิดความรู้สึกต่อต้าน

“การบ่นการเสียดสีประชดประชัน เป็นการพูดแบบไม่ให้กำลังใจ”

จิตแพทย์หญิง อังคณา อัญญมณี จากรพ.มนารมย์ เตือนผู้หญิงเราให้ตระหนักลึกๆ ว่า ผู้ชายต้องการอะไร

“ผู้ชายเขาต้องการความรัก การดูแลเอาใจใส่ ต้องการความอ่อนโยน ถ้าแฟนหรือภรรยาให้เขาตรงนี้ไม่ได้ เขาอาจไปมองหาคนอื่นที่ support ให้เขาตรงนี้ได้”

นั่นไง อย่ามัวแต่เพียงเพื่อระบายอารมณ์ โดยไม่รู้จักควบคุมคำพูดตัวเอง แฟนหรือสามีเขาไม่ใช่ ‘พ่อ’ ของเรานะคะ ที่พร้อมจะให้อภัยและให้โอกาสเราได้เสมอ


* ขี้ตำหนิ ติเตียน

“ผู้หญิงที่เนี้ยบมาก ผู้ชายจะกลัว”

รุ่นพี่ผู้ชายผู้มีประสบการณ์ชีวิตคู่ ตั้งประเด็นขึ้น

“พวกผู้หญิงเก่งแบบเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์(Perfectionist นักสมบูรณ์แบบ) เวลาอยู่บ้าน ก็ติดเรียกร้องสามี ทุกอย่างต้องเพอร์เฟ็กท์ นอกจากทำงานหาเงินเก่ง อยู่ในบ้านก็ต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย”

อาทิ แปรงฟันห้ามสะบัดยาสีฟันเลอะกระจก ถอดเสื้อผ้าก็ต้องใส่ตะกร้าให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ใช่ถอดกางเกงทิ้งม้วนเป็นเลขแปดสะเปะสะปะ หรือกินกาแฟแล้วก็ต้องเอาไปล้างเก็บให้เรียบร้อย ห้ามวางทิ้งของเกลื่อนรกบ้าน ฯลฯ

“ผู้ชายแท้ๆ เขาไม่ทำอะไรเป็นระเบียบเรียบร้อยหรอก”

จากคำพูดของรุ่นพี่ผู้ชายคนนี้ ทำให้นึกถึงประโยคคมๆ จากบทความ 5 Things You Might Be Doing to Sabotage Your Relationship ที่เคยอ่านเจอในเว็บฯ

“Even Mr. Right is not going to be perfect”

คนที่ใช่ของเราไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเป็นคนยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบไปซะหมด เราควรเรียนรู้ที่จะเข้าใจจุดบกพร่องของเขา อย่าไปมัวตำหนิติเตียน พูดจาให้เขารู้สึกต้อยต่ำ ไม่ว่าจะเรื่องงานเงิน กระทั่งเรื่องในบ้าน และเรื่องบนเตียง

“ฝ่ายหญิงมีฐานะมีความรู้ และเป็นคนเก่ง แต่อยู่กับผู้ชายที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ หรืออาจเป็นผู้ชายที่ดูด้อยกว่า การไปตำหนิเขาบ่อยๆ เขาอาจรู้สึกเหมือนผู้หญิงเหนือกว่า คอยกำกับควบคุมเขา เขาก็จะทนอยู่ในสภาพแบบนี้ไม่ไหว มันเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ชายด้วย”

หมออังคณา แนะทางออกของประเด็นนี้ว่า

“ตรงนี้มันต้องมาแก้ที่ 'ใจ' ของเรา ไม่ใช่ว่าไปแก้ที่เขา เราอาจต้องมาดูตัวเองเข้าใจตัวเองก่อนว่า ใจเราคาดหวังอะไรกับเขา และความเป็นจริง..เขาเป็นได้แค่ไหน เราต้องรู้ว่าจุดดีจุดอ่อนของเขาคืออะไร และจุดดีจุดอ่อนของเราคืออะไร ซึ่งเราเองก็ไม่ได้ดีกว่าเขาเท่าไรหรอก แต่เราชอบอยากให้เขาดีครบตามที่เราลิสต์(list)ไว้ ซึ่งในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้”

เอาน่ะ บางทีการมีผู้ชายงี่เง่าบ้างในชีวิต ก็ยังดีกว่าไม่มีผู้ชายเลยทั้งชีวิต!


* ขี้อ้อน งอแง

มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งยังไง๊ยังไงก็ไม่ยอมหัดขับรถ ด้วยเหตุผลเพียงว่า ถ้าขับรถเป็น สามีก็ไม่ไปรับไปส่งสิ คุณฝาละมีของเธอจึงแทบขับรถรอบกรุงเทพเลยค่ะ กว่าจะออกจากบ้านบางกะปิไปส่งคุณแม่ เอ๊ย! คุณเมียไปทำงานธนาคารแถวพระโขนง ก่อนวนรถกลับไปออฟฟิศที่ประชาชื่น มิหนำซ้ำ ฝ่ายชายที่เป็นวิศวกร บางวันต้องไปดูงานที่พุทธมณฑล คุณภรรยาก็ไม่เคยปราณี ให้ขับรถมารับหลังเลิกงานแม้ว่าดึกแค่ไหนก็ตาม

“ถ้าไม่หาเงื่อนไขให้เขามารับส่ง เขาก็จะมีโอกาสไปลั้นลาที่อื่น”

อ๋อ ไม่ใช่สาวคนนี้ขี้เกียจ ที่แท้..ขี้หึงนี่เอง ซึ่งในมุมจิตวิทยา คุณหมออังคณาเผยสาเหตุว่า มาจากการไม่รักไม่เห็นคุณค่าตัวเองต่างหาก

“ผู้หญิงหลายคนไม่ค่อยรักตัวเอง ก็โหยหาความรักความเอาใจใส่จากแฟน ให้เขาทำโน้นทำนี่ให้ บางคนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่าพอ กลัวว่าแฟนจะไปมีคนอื่น เลยเรียกร้องหาเรื่องควบคุมให้เขาอยู่ในสายตา

จริงๆ แล้ว เป็นความว่างเปล่าในใจของผู้หญิงนะคะ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาได้เหมือนกัน”

กลายเป็นคนงอแง ทำอะไรไม่เป็น

“need ให้ผู้ชายเขาอยู่กับเรา ให้ความรักกับเราตลอด ไม่มีผู้ชายคนไหนหรอกค่ะที่สามารถให้ความรักเราได้ตลอดเวลา”

เพื่อนหญิงคนนี้เล่าให้ฟังอีกว่า เธอจะคอยตรวจเช็กข้อมูลในมือถือ รวมทั้งกระเป๋าเงินของสามีตลอด ทำฟอร์มขอใช้โทรศัพท์บ้าง ขอหยิบตังค์บ้าง ซึ่ง(ยัง)ไม่พบสิ่งผิดปกติ

เราได้แต่เอาใจช่วย... หวั่นแต่ว่าฝ่ายตรงข้ามรู้ทัน เข้าตำราคุณชายแนบเนียนแบบคุณหมอเตือนน่ะสิ

“คอยเช็กตลอดไปไหนกับใคร ติดต่ออะไรกับใคร ยังไงบ้าง หรือตามติด..ไปไหนต้องมีเรา มันจะทำให้เขาอึดอัด ไม่เป็นส่วนตัว บางทีเขาเลยต้องโกหก ตัวเราเองเป็นคนทำให้เขาไม่สามารถบอกความจริง ไม่เปิดโอกาสให้เขามีโลกส่วนตัว

เราต้องเข้าใจทั้งตัวเราและตัวเขา ที่สำคัญ ต้องรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าพอ”

ฉะนั้น สาวใดขี้อ้อนงอแงแล้วได้ดั่งใจ ไม่ได้หมายความว่า ผู้ชายของคุณอยู่ในกำมือคุณนะคะ และการที่เขาตามใจคุณ ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะจงรักภักดีกับคุณ!

ความรักเป็นสิ่งเชื่อมโยงคนแปลกหน้าสองคนให้มาตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน

ทว่าความรักเป็นเรื่องนามธรรมค่ะ

การใช้ชีวิตร่วมกันของคนสองคน มันเป็นเรื่องรูปธรรมแล้วล่ะ

ดังนั้นคุณผู้หญิง(บวกคุณผู้ชายด้วย)ควรช่วยกันทำรูปธรรมให้ดีที่สุด เพื่อจะได้ห่อหุ้มนามธรรมรักนั้นไว้ให้นานที่สุด ..ไม่ใช่หรือคะ

ที่มา
ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น